ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว
บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์) 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการสร้างความรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว 4) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) ที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน
ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) 1 ห้องเรียน จำนวน 30 คน โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม (Sampling Unit)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้
ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว จำนวน 12 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้
12 แผน ซึ่งประกอบด้วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความสามารถในการสร้างความรู้แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมท้ายบทเรียน แบบประเมินทักษะในการปฏิบัติงาน และแบบประเมินความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎี
การสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง จำนวน 12 สัปดาห์ ๆ ละ 1 ชั่วโมง รวมเป็น 12 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าร้อยละและค่าที (t - test Dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียน
การสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรม
การเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า ครูผู้สอนและผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้
ที่มีเนื้อหาที่เรียงจากง่ายไปหายาก ส่งเสริมทักษะการปฏิบัติงานด้านคอมพิวเตอร์ มีภาพประกอบ
มีการจัดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลโดยให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้
เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า SAKCE Model มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์กระบวนการเรียนการสอน การสรุปสาระความรู้ หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 5 ขั้นตอน (SAKCE Model) ได้แก่ 1) ขั้นกระตุ้นเร้าความสนใจในการเรียนรู้ (Stimulation : S) 2) ขั้นเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ (Action Learning : A) 3) ขั้นถ่ายโยงความรู้ (Knowledge transfer : K) 4) ขั้นสร้างความรู้(Construction : C) และ 5) ขั้นการประเมินผล (Evaluation : E) มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.97/84.39 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่า สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
มีผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ซึ่งผลการเปรียบเทียบ
จากคะแนนแบบทดสอบวัดความสามารถในการสร้างความรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนทุกตอน และ
ผลการเปรียบเทียบคะแนนแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมท้ายบทเรียน สูงกว่าเกณฑ์
ที่กำหนด นอกจากนั้น ผลคะแนนเฉลี่ยแบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายวิชาคอมพิวเตอร์สูงขึ้นทุกสัปดาห์ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้
เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้
ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
4. ผลการประเมินความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบ
การเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
มีความคิดเห็นต่อรูปแบบการเรียนการสอนทฤษฎีการสร้างความรู้อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน
( = 4.79, S.D. = 0.90) โดยเรียงค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ด้านบรรยากาศในการเรียน
( = 4.89, S.D. = 0.12) รองลงมา ได้แก่ ด้านการประเมินผลในการเรียน ( = 4.83, S.D. = 0.25) ด้านระยะเวลาในการเรียน ( = 4.78, S.D. = 0.16) และด้านกิจกรรมในการเรียน ( = 4.66, S.D. = 0.15) ที่มีความสนุกสนาน ที่นักเรียนสามารถหาความรู้ได้ต่อเนื่องตลอดเวลาและนักเรียนสามารถพัฒนาวิธีการการแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง
การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์) 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการสร้างความรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว 4) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) ที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน
ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) 1 ห้องเรียน จำนวน 30 คน โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม (Sampling Unit)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้
ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว จำนวน 12 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้
12 แผน ซึ่งประกอบด้วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบทดสอบวัดความสามารถในการสร้างความรู้แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมท้ายบทเรียน แบบประเมินทักษะในการปฏิบัติงาน และแบบประเมินความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎี
การสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง จำนวน 12 สัปดาห์ ๆ ละ 1 ชั่วโมง รวมเป็น 12 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าร้อยละและค่าที (t - test Dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการเรียน
การสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรม
การเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า ครูผู้สอนและผู้เชี่ยวชาญต้องการให้มีพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้
ที่มีเนื้อหาที่เรียงจากง่ายไปหายาก ส่งเสริมทักษะการปฏิบัติงานด้านคอมพิวเตอร์ มีภาพประกอบ
มีการจัดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลโดยให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
2. ผลการสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้
เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว ที่พัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า SAKCE Model มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์กระบวนการเรียนการสอน การสรุปสาระความรู้ หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 5 ขั้นตอน (SAKCE Model) ได้แก่ 1) ขั้นกระตุ้นเร้าความสนใจในการเรียนรู้ (Stimulation : S) 2) ขั้นเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ (Action Learning : A) 3) ขั้นถ่ายโยงความรู้ (Knowledge transfer : K) 4) ขั้นสร้างความรู้(Construction : C) และ 5) ขั้นการประเมินผล (Evaluation : E) มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.97/84.39 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่า สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
มีผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ซึ่งผลการเปรียบเทียบ
จากคะแนนแบบทดสอบวัดความสามารถในการสร้างความรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนทุกตอน และ
ผลการเปรียบเทียบคะแนนแบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจกิจกรรมท้ายบทเรียน สูงกว่าเกณฑ์
ที่กำหนด นอกจากนั้น ผลคะแนนเฉลี่ยแบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายวิชาคอมพิวเตอร์สูงขึ้นทุกสัปดาห์ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้
เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้
ง่ายนิดเดียว สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
4. ผลการประเมินความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อรูปแบบ
การเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะปฏิบัติ ร่วมกับ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง คอมพิวเตอร์เรียนได้ง่ายนิดเดียว พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
มีความคิดเห็นต่อรูปแบบการเรียนการสอนทฤษฎีการสร้างความรู้อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน
( = 4.79, S.D. = 0.90) โดยเรียงค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย ได้ดังนี้ด้านบรรยากาศในการเรียน
( = 4.89, S.D. = 0.12) รองลงมา ได้แก่ ด้านการประเมินผลในการเรียน ( = 4.83, S.D. = 0.25) ด้านระยะเวลาในการเรียน ( = 4.78, S.D. = 0.16) และด้านกิจกรรมในการเรียน ( = 4.66, S.D. = 0.15) ที่มีความสนุกสนาน ที่นักเรียนสามารถหาความรู้ได้ต่อเนื่องตลอดเวลาและนักเรียนสามารถพัฒนาวิธีการการแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง