รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ
ชื่อเรื่อง : รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ รายวิชากภาษาอังกฤษพื้นฐาน 5 รหัสวิชา อ33101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านขามพิทยาคม
ผู้วิจัย : นายมงคล อ่านพงษ์
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพ 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนและ 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนบ้านขามพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน 5 รหัสวิชา อ 33101 ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) 1 ห้องเรียน จำนวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบไปด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ จำนวน 10 เรื่อง แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ จำนวน 10 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่าน เพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษจำนวน 30 ข้อ ที่ผ่านการตรวจสอบหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมัน และแบบวัดความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อแบบ ฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ ที่ผ่านการตรวจสอบหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และค่าความเชื่อมั่น สถิติที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (arithmetic mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษตามเกณฑ์มีประสิทธิภาพ 75/75 (E1/E2) และ t-test (dependent samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง มีค่าประสิทธิภาพของกระบวนการหรือค่าเฉลี่ย ร้อยละ
ของคะแนนคิดเป็นร้อยละ 79.46 และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์หรือค่าเฉลี่ยร้อยละ
ของแบบทดสอบหลังเรียนเท่ากับ 79.46
2. นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษจากการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านขามพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 ในรายการส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มากที่สุด ในภาพรวม ( = 4.61, S.D. = 0.55) ยกเว้น รายการ เนื้อเรื่องมีความหลากหลายและให้ความรู้ใหม่กับนักเรียน ซึ่งอยู่ในระดับ มาก
ผู้วิจัย : นายมงคล อ่านพงษ์
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพ 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนและ 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนบ้านขามพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน 5 รหัสวิชา อ 33101 ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) 1 ห้องเรียน จำนวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบไปด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ จำนวน 10 เรื่อง แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ จำนวน 10 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่าน เพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษจำนวน 30 ข้อ ที่ผ่านการตรวจสอบหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมัน และแบบวัดความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อแบบ ฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ ที่ผ่านการตรวจสอบหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และค่าความเชื่อมั่น สถิติที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (arithmetic mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษตามเกณฑ์มีประสิทธิภาพ 75/75 (E1/E2) และ t-test (dependent samples)
ผลการศึกษาพบว่า
1. นักเรียนกลุ่มตัวอย่าง มีค่าประสิทธิภาพของกระบวนการหรือค่าเฉลี่ย ร้อยละ
ของคะแนนคิดเป็นร้อยละ 79.46 และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์หรือค่าเฉลี่ยร้อยละ
ของแบบทดสอบหลังเรียนเท่ากับ 79.46
2. นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษจากการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจภาษาอังกฤษ รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านขามพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19 ในรายการส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มากที่สุด ในภาพรวม ( = 4.61, S.D. = 0.55) ยกเว้น รายการ เนื้อเรื่องมีความหลากหลายและให้ความรู้ใหม่กับนักเรียน ซึ่งอยู่ในระดับ มาก