การสร้างแบบฝึกทักษะคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กน ชั้น ป.5
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
แบบฝึกทักษะคำที่สะกดไม่ตรงมาตราแม่กน จำนวน ๑๐ แบบฝึกโดยแบบฝึกทักษะแต่ละแบบฝึกสามารถนำไปใช้ฝึกเพื่อแก้ปัญหาการอ่านการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงมาตราแม่กน ที่แตกต่างกันของแต่ละคนซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีคือการแก้ปัญหาได้ตรงตามจุดประสงค์และเป็นการส่งเสริมนักเรียนที่สามารถออกเสียงการเขียนและการคำที่สะกดไม่ตรงมาตราแม่กน ได้ถูกต้องโดยแบบฝึกทักษะชุดนี้ประกอบด้วย
แบบฝึกทักษะคำที่สะกดไม่ตรงมาตราแม่กน จำนวน ๑๐ แบบฝึก ดังนี้
แบบฝึกทักษะที่ ๑ ปริศนาวงกลม
แบบฝึกทักษะที่ ๒ เติมสีสร้างสรรค์
แบบฝึกทักษะที่ ๓ เขียนคำหรรษา
แบบฝึกทักษะที่ ๔ ตัวสะกดแสนกล
แบบฝึกทักษะที่ ๕ แม่กนน่ารู้
แบบฝึกทักษะที่ ๖ แม่กนอยู่ไหน
แบบฝึกทักษะที่ ๗ แม่กนหรรษา
แบบฝึกทักษะที่ ๘ เติมประโยค
แบบฝึกทักษะที่ ๙ เรียงประโยค
แบบฝึกทักษะที่ ๑๐ แต่งประโยค
แบบทดสอบก่อนและหลังเรียนจำนวน ๒๐ ข้อ
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๔ แผนซึ่งในแต่ละแผนมีคำอธิบายการจัดกิจกรรมเป็นขั้นตอนและแบบฝึกทักษะใช้ควบคู่แต่ละแผนดังนี้
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ ๑ คำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา และแบบฝึกทักษะที่ ๑ - ๓ ในระยะเวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ ๒ คำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กน และแบบฝึกทักษะที่ ๔ - ๕ ในระยะเวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ ๓ คำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กน และแบบฝึกทักษะที่ ๖ - ๗ ในระยะเวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ ๔ คำที่สะกดไม่ตรงตามมาตราแม่กน และแบบฝึกทักษะที่ ๘ - ๑๐ ในระยะเวลา ๒ ชั่วโมง
สรุปผลการศึกษา
๑. แบบฝึกทักษะคำที่สะกดไม่ตรงมาตราแม่กน จำนวน ๑๐ แบบฝึก คือ แบบฝึกทักษะที่ ๑ ปริศนาวงกลม แบบฝึกทักษะที่ ๒ เติมสีสร้างสรรค์ แบบฝึกทักษะที่ ๓ เขียนคำหรรษาแบบฝึกทักษะที่ ๔ ตัวสะกดแสนกล แบบฝึกทักษะที่ ๕ แม่กนน่ารู้ แบบฝึกทักษะที่ ๖ แม่กนอยู่ไหน แบบฝึกทักษะที่ ๗ แม่กนหรรษา แบบฝึกทักษะที่ ๘ เติมประโยค แบบฝึกทักษะที่ ๙ เรียงประโยค แบบฝึกทักษะที่ ๑๐ แต่งประโยค มีประสิทธิภาพเท่ากับ ๙๖.๔๘/๘๑.๕๒ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ๘๐/๘๐ ซึ่งสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
๒. ผลการศึกษาการใช้แบบฝึกทักษะคำที่สะกดไม่ตรงมาตราแม่กน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านดงซ่อม พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำที่สะกดไม่ตรงมาตราแม่กน มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ โดยใช้สถิติ t - test ได้ค่า t เท่ากับ ๗.๕๐ ซึ่งสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้