การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค S
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
โรงเรียนตูมพิทยานุสรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 จำนวน 23 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selected) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ แผนการจัดการการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยได้ออกแบบและจัดทำขึ้น และบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง Comparison ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.23 - 0.78 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.25 - 0.83 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบเท่ากับ 0.85 และแบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.25 ถึง 0.89 มีค่าความเชื่อมั่น ทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ สถิติ Nonparametric แบบ Wilcoxon Matched-Pairs Signed-Ranks Test
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 86.83/84.51 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. บทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.62 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 62
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison หลังจากเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก
( = 4.21, S.D. = 0.71)
สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง Comparison สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญและเป็นประโยชน์กับนักเรียน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทำให้ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิค STAD ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป