การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการ
การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับนักเรียนปฐมวัย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับนักเรียนปฐมวัย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยหลังการใช้รูปแบบประสบการณ์เรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 เพื่อศึกษาพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย การรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับพัฒนาการคิดเชิงบริหารนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย โดยใช้แบบประเมินพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหาร (EF) ในเด็กวัยก่อนเรียน (แบบ MU.EF-101) (นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล และคณะ, 2560) เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มเป้าหมาย นักเรียนระดับชั้นปฐมวัย ชาย-หญิง อายุระหว่าง 3-4 ปี (อนุบาล 1) โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย ปีการศึกษา 2561 จำนวน 25 คน (สุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)) ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับนักเรียนปฐมวัย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย ดำเนินการประชุมกลุ่มย่อย รวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ พัฒนาร่างรูปแบบ และยืนยันรูปแบบ ระยะที่ 3 ศึกษาผลการพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยหลังการใช้รูปแบบประสบการณ์เรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ทดลองใช้รูปแบบ และศึกษาผลการพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยหลังการใช้รูปแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation)
ผลการศึกษาพบว่า
1. คะแนนค่าเฉลี่ยพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหารของเด็กนักเรียนโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทย
2. รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับนักเรียนปฐมวัย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย องค์ประกอบที่สำคัญ 4 องค์ประกอบ และควรมีขั้นตอน 5 ขั้นตอน ดังนี้ คือ องค์ประกอบของรูปแบบ ประกอบด้วย 1) ผู้สอน (ครู) 2) ผู้เรียน (นักเรียนปฐมวัย) 3) เนื้อหาหรือกิจกรรม 4) กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 5 ขั้นตอนที่ส่งเสริมการคิดเชิงบริหาร มีดังนี้ ขั้นที่ 1 เตรียมความพร้อม ขั้นที่ 2 สถานการณ์ปัญหา ขั้นที่ 3 สำรวจความถูกต้อง ขั้นที่ 4 สรุปและสะท้อนความคิด ขั้นที่ 5 ประเมินผล ซึ่งองค์ประกอบและกระบวนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ ผู้วิจัยได้ทำการสังเคราะห์ขึ้นนั้น เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับเด็กนักเรียนปฐมวัย
3. คะแนนค่าเฉลี่ยพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหารของเด็กนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใยหลังทดลองใช้รูปแบบ มีค่าเฉลี่ยสูงกขึ้นกว่าก่อนทดลองใช้รูปแบบ และสูงว่าคะแนนค่าเฉลี่ยพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหารของประเทศไทย
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับนักเรียนปฐมวัย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย 3) เพื่อศึกษาผลการพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยหลังการใช้รูปแบบประสบการณ์เรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น วิธีดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 เพื่อศึกษาพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย การรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับพัฒนาการคิดเชิงบริหารนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย โดยใช้แบบประเมินพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหาร (EF) ในเด็กวัยก่อนเรียน (แบบ MU.EF-101) (นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล และคณะ, 2560) เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มเป้าหมาย นักเรียนระดับชั้นปฐมวัย ชาย-หญิง อายุระหว่าง 3-4 ปี (อนุบาล 1) โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย ปีการศึกษา 2561 จำนวน 25 คน (สุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)) ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับนักเรียนปฐมวัย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย ดำเนินการประชุมกลุ่มย่อย รวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ พัฒนาร่างรูปแบบ และยืนยันรูปแบบ ระยะที่ 3 ศึกษาผลการพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยหลังการใช้รูปแบบประสบการณ์เรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ทดลองใช้รูปแบบ และศึกษาผลการพัฒนาการคิดเชิงบริหารของนักเรียนปฐมวัยหลังการใช้รูปแบบประสบการณ์การเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation)
ผลการศึกษาพบว่า
1. คะแนนค่าเฉลี่ยพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหารของเด็กนักเรียนโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย มีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศไทย
2. รูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับนักเรียนปฐมวัย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย องค์ประกอบที่สำคัญ 4 องค์ประกอบ และควรมีขั้นตอน 5 ขั้นตอน ดังนี้ คือ องค์ประกอบของรูปแบบ ประกอบด้วย 1) ผู้สอน (ครู) 2) ผู้เรียน (นักเรียนปฐมวัย) 3) เนื้อหาหรือกิจกรรม 4) กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 5 ขั้นตอนที่ส่งเสริมการคิดเชิงบริหาร มีดังนี้ ขั้นที่ 1 เตรียมความพร้อม ขั้นที่ 2 สถานการณ์ปัญหา ขั้นที่ 3 สำรวจความถูกต้อง ขั้นที่ 4 สรุปและสะท้อนความคิด ขั้นที่ 5 ประเมินผล ซึ่งองค์ประกอบและกระบวนการจัดประสบการณ์เรียนรู้ ผู้วิจัยได้ทำการสังเคราะห์ขึ้นนั้น เพื่อส่งเสริมการคิดเชิงบริหารสำหรับเด็กนักเรียนปฐมวัย
3. คะแนนค่าเฉลี่ยพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหารของเด็กนักเรียนปฐมวัยโรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใยหลังทดลองใช้รูปแบบ มีค่าเฉลี่ยสูงกขึ้นกว่าก่อนทดลองใช้รูปแบบ และสูงว่าคะแนนค่าเฉลี่ยพัฒนาการด้านการคิดเชิงบริหารของประเทศไทย