การพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E)
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบ
แบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้รายงาน นางสุกัญญา แขมคำ
พุทธศักราช 2561
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนจากการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการรายงาน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนไตรมิตร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) 2) แบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3 ) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.80 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีประสิทธิผล
ผลการรายงานปรากฏ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่ากับ 86.17 (E1) / 84.17 (E2) ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80 / 80 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.8287แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ซึ่งมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.87
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่าเฉลี่ยหลังเรียน ( ) = 16.83 สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ( ) = 9.30 นั่นคือ การจัดการเรียนการสอนโดยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยแบบประเมิน แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านเนื้อหา มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.52 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.59 ระดับพึงพอใจมากที่สุด 2) ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.50 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 3) ด้านสื่อและอุปกรณ์ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.52 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 4) ด้านการวัดและประเมินผล มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.53 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด และมีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้านเท่ากับ 4.52 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.52 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด
แบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้รายงาน นางสุกัญญา แขมคำ
พุทธศักราช 2561
บทคัดย่อ
การรายงานครั้งนี้มีความมุ่งหมาย เพื่อการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนจากการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรที่ใช้ในการรายงาน คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนไตรมิตร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) 2) แบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3 ) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.80 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และดัชนีประสิทธิผล
ผลการรายงานปรากฏ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่ากับ 86.17 (E1) / 84.17 (E2) ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80 / 80 ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.8287แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้ซึ่งมีคะแนนเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.87
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ค่าเฉลี่ยหลังเรียน ( ) = 16.83 สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ( ) = 9.30 นั่นคือ การจัดการเรียนการสอนโดยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนเรียน
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ด้วยการพัฒนารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยแบบประเมิน แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านเนื้อหา มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.52 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.59 ระดับพึงพอใจมากที่สุด 2) ด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.50 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 3) ด้านสื่อและอุปกรณ์ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.52 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด 4) ด้านการวัดและประเมินผล มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.53 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด และมีค่าเฉลี่ยรวมทุกด้านเท่ากับ 4.52 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.52 ระดับความพึงพอใจมากที่สุด