รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1
(ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง)
ผู้วิจัย นางสาวเพชรจี มะโร
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
หน่วยงานที่สังกัด โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง)
สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน80/80 2)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 30 คน นักเรียนชาย 14 คน นักเรียนหญิง 16 คน ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) แบบวิธีการจับฉลาก ใช้เวลาในการทดลอง 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ จำนวน 8 ชุด และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 30 ข้อ สถิติวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t-testใช้รูปแบบการวิจัยแบบ One Group Pretest Posttest Design
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีประสิทธิภาพ 84.92/85.22 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ของแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีค่าเท่ากับ 0.7367 แสดงว่า แบบฝึกเสริมทักษะทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 73.67
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจเกี่ยวกับแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ในภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( X-= 4.35, S.D. = .53) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 3 ข้อ คือ นักเรียนรู้สึกสนุกเมื่อได้เรียนจากการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษ(X-= 4.63, S.D. X-= .49) นักเรียนชอบเรียนจากแบบฝึกเสริมทักษะเพราะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับการคูณมากยิ่งขึ้น ( X- = 4.57, S.D. = .50) นักเรียนได้มีโอกาสฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์ที่หลากหลายทำให้เกิดความรู้และมั่นใจ ( X-= 4.51, S.D. = .51) เรียงลงมาตามลำดับ นอกนั้นมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1
(ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง)
ผู้วิจัย นางสาวเพชรจี มะโร
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
หน่วยงานที่สังกัด โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง)
สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน80/80 2)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 30 คน นักเรียนชาย 14 คน นักเรียนหญิง 16 คน ซึ่งได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) แบบวิธีการจับฉลาก ใช้เวลาในการทดลอง 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ จำนวน 8 ชุด และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจำนวน 30 ข้อ สถิติวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t-testใช้รูปแบบการวิจัยแบบ One Group Pretest Posttest Design
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องการคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีประสิทธิภาพ 84.92/85.22 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80
2. ดัชนีประสิทธิผล (E.I.) ของแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีค่าเท่ากับ 0.7367 แสดงว่า แบบฝึกเสริมทักษะทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 73.67
3. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจเกี่ยวกับแบบฝึกเสริมทักษะสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเทศบาล 1 (ในระบบสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง) สังกัดเทศบาลเมืองปากน้ำสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ในภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( X-= 4.35, S.D. = .53) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 3 ข้อ คือ นักเรียนรู้สึกสนุกเมื่อได้เรียนจากการเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษ(X-= 4.63, S.D. X-= .49) นักเรียนชอบเรียนจากแบบฝึกเสริมทักษะเพราะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับการคูณมากยิ่งขึ้น ( X- = 4.57, S.D. = .50) นักเรียนได้มีโอกาสฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์ที่หลากหลายทำให้เกิดความรู้และมั่นใจ ( X-= 4.51, S.D. = .51) เรียงลงมาตามลำดับ นอกนั้นมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก