การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติ
ชื่องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3
ผู้วิจัย อริศรา ทองมุณี
ปีที่วิจัย 2561
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ ให้มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นปฐมวัย 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย สำหรับเด็กอนุบาลปีที่ 3 ให้มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นปฐมวัย 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย สำหรับเด็กอนุบาลปีที่ 3 และ 4) เพื่อประเมิน ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 24 คน ทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 เป็นเวลา 16 ชั่วโมง แบบแผน การทดลอง คือ The One-Shot Case Study เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ 4) แบบประเมินความรู้ ตอบคำถาม ประกอบภาพ และ 5) แบบสังเกตพฤติกรรมด้านระเบียบวินัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากการสังเกตและการสัมภาษณ์
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ KATES Model โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KATES Model ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1 การให้ความรู้และการสร้างความตระหนัก (Knowledge and Awareness: KA) ขั้นที่ 2 ขั้นสอน (Teaching: T) ขั้นที่ 3 ขั้นวัดและประเมินผล (Evaluation: E) และขั้นที่ 4 ขั้นสรุป (Summarizing: S) โดยความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATES Model) มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในระดับมาก
2. ผลการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ 23 คน คิดเป็นร้อยละ 95.83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 มีทักษะทางสังคมร้อยละ 75 ขึ้นไป และมีคะแนนผลการส่งเสริมพฤติกรรมด้านระเบียบวินัย โดยใช้หนังสือนิทาน ชุด เด็กดี มีวินัย รวม 8 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 81.77 ของคะแนนเต็ม ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 2.77) เมื่อเทียบกับเกณฑ์การพิจารณาระดับความพึงพอใจ แสดงว่านักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย อยู่ในระดับมาก
ผู้วิจัย อริศรา ทองมุณี
ปีที่วิจัย 2561
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ ให้มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นปฐมวัย 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย สำหรับเด็กอนุบาลปีที่ 3 ให้มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นปฐมวัย 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย สำหรับเด็กอนุบาลปีที่ 3 และ 4) เพื่อประเมิน ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล ๑ (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 24 คน ทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 เป็นเวลา 16 ชั่วโมง แบบแผน การทดลอง คือ The One-Shot Case Study เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ 4) แบบประเมินความรู้ ตอบคำถาม ประกอบภาพ และ 5) แบบสังเกตพฤติกรรมด้านระเบียบวินัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากการสังเกตและการสัมภาษณ์
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ KATES Model โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KATES Model ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1 การให้ความรู้และการสร้างความตระหนัก (Knowledge and Awareness: KA) ขั้นที่ 2 ขั้นสอน (Teaching: T) ขั้นที่ 3 ขั้นวัดและประเมินผล (Evaluation: E) และขั้นที่ 4 ขั้นสรุป (Summarizing: S) โดยความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATES Model) มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในระดับมาก
2. ผลการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ 23 คน คิดเป็นร้อยละ 95.83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 มีทักษะทางสังคมร้อยละ 75 ขึ้นไป และมีคะแนนผลการส่งเสริมพฤติกรรมด้านระเบียบวินัย โดยใช้หนังสือนิทาน ชุด เด็กดี มีวินัย รวม 8 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 81.77 ของคะแนนเต็ม ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 2.77) เมื่อเทียบกับเกณฑ์การพิจารณาระดับความพึงพอใจ แสดงว่านักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติร่วมกับการใช้กิจกรรมกลุ่ม โดยใช้นิทานเพื่อส่งเสริมการสร้างวินัย อยู่ในระดับมาก