ผลการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน
ชื่อเรื่อง ผลการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง พัฒนาการของ
ภูมิภาคต่างๆ ในโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางหงษ์ลุน สะท้านบัว
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนากิจกรรมการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆ ในโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆ ในโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังจากการที่นักเรียนได้รับการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน ที่พัฒนาขึ้น (4) ศึกษาระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน ของนักเรียนที่ได้รับการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน ที่พัฒนาขึ้น
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดยปีการศึกษา 2560 มีนักเรียนจำนวน 17 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 14 แผน และเอกสารประกอบการเรียนการสอน จำนวน 12 ชุด 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการสอนของครู ได้แก่ แบบบันทึกเหตุการณ์ขณะทำการสอนของครู แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการสอนของครู แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน และแบบทดสอบย่อยหลังจากเรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้และการสอนแบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน แต่ละเรื่อง 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียน
การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีวงจรปฏิบัติการวิจัยทั้งหมด 3 วงจร ดังนี้ วงจรปฏิบัติการที่ 1 ประกอบไปด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 – 5 วงจรปฏิบัติการที่ 2 ประกอบไปด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 – 9 และวงจรปฏิบัติการที่ 3 ประกอบไปด้วย แผนการเรียนรู้ที่ 10 – 13 และเมื่อสิ้นสุดในแต่ละวงจรผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และสะท้อนผลการปฏิบัติงานเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนและเอกสารประกอบการเรียนการสอน วิชาประวัติศาสตร์ ในวงจรปฏิบัติการต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างโดยการทดสอบที (t–test) คำนวณด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ SPSS for Windows
ผลการวิจัยพบว่า
1. กิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆในโลก ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.87/91.17 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. กิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆ ในโลก ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7336 แสดงว่า กิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.36
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้การสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบ
การเรียนการสอน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่ได้รับการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIWร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน
การสอน ในปีการศึกษา 2560 มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
ภูมิภาคต่างๆ ในโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางหงษ์ลุน สะท้านบัว
ปีที่วิจัย ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนากิจกรรมการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆ ในโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆ ในโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังจากการที่นักเรียนได้รับการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน ที่พัฒนาขึ้น (4) ศึกษาระดับความพึงพอใจในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน ของนักเรียนที่ได้รับการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน ที่พัฒนาขึ้น
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น โดยปีการศึกษา 2560 มีนักเรียนจำนวน 17 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 14 แผน และเอกสารประกอบการเรียนการสอน จำนวน 12 ชุด 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติการสอนของครู ได้แก่ แบบบันทึกเหตุการณ์ขณะทำการสอนของครู แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการสอนของครู แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน และแบบทดสอบย่อยหลังจากเรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้และการสอนแบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน แต่ละเรื่อง 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียน
การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งมีวงจรปฏิบัติการวิจัยทั้งหมด 3 วงจร ดังนี้ วงจรปฏิบัติการที่ 1 ประกอบไปด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 – 5 วงจรปฏิบัติการที่ 2 ประกอบไปด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 – 9 และวงจรปฏิบัติการที่ 3 ประกอบไปด้วย แผนการเรียนรู้ที่ 10 – 13 และเมื่อสิ้นสุดในแต่ละวงจรผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และสะท้อนผลการปฏิบัติงานเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนและเอกสารประกอบการเรียนการสอน วิชาประวัติศาสตร์ ในวงจรปฏิบัติการต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบความแตกต่างโดยการทดสอบที (t–test) คำนวณด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ SPSS for Windows
ผลการวิจัยพบว่า
1. กิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆในโลก ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 92.87/91.17 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. กิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรื่อง พัฒนาการของภูมิภาคต่างๆ ในโลก ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7336 แสดงว่า กิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.36
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้การสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIW ร่วมกับเอกสารประกอบ
การเรียนการสอน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
4. นักเรียนที่ได้รับการสอนประวัติศาสตร์ แบบ CIWร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน
การสอน ในปีการศึกษา 2560 มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด