นางธรรฌลักษณ์ หมานพัฒน์
ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
ชื่อผู้วิจัย ธรรฌลักษณ์ หมานพัฒน์
สถานที่ศึกษา โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าข้าม ๒ สังกัดเทศบาลเมืองท่าข้าม
ปีที่ศึกษา ๒๕๖๑
บทคัดย่อ
การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๓) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๒ โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าข้าม ๒ สังกัดเทศบาลเมืองท่าข้าม ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ จำนวนนักเรียน ๑๙ คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ๑) แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๙ ชุด ๒) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๒๙ แผน ชั่วโมงสอน ๒๙ ชั่วโมง ๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ ๓ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น (KR-20) ๐.๘๕ และ ๔) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ เป็นแบบมาตรประมาณค่า ๕ ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น ( ) เท่ากับ ๐.๘๒ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย สองค่าจากกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว (t-test for Paired Samples)
ผลการวิจัย พบว่า
๑. แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๓.๒๐/๘๒.๙๘ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ที่กำหนดไว้
๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๓. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีค่าเท่ากับ ๐.๗๕๖๓ หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๕.๖๓ แสดงว่า หลังจากนักเรียนได้เรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนหรือมีความรู้เพิ่มขึ้น ๐.๗๕๖๓ หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๕.๖๓ ซึ่งมีค่ามากกว่า ๐.๗๐ ที่กำหนดไว้
๔. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ๔.๖๓
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
ชื่อผู้วิจัย ธรรฌลักษณ์ หมานพัฒน์
สถานที่ศึกษา โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าข้าม ๒ สังกัดเทศบาลเมืองท่าข้าม
ปีที่ศึกษา ๒๕๖๑
บทคัดย่อ
การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๒) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ๓) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๒ โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าข้าม ๒ สังกัดเทศบาลเมืองท่าข้าม ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ จำนวนนักเรียน ๑๙ คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ๑) แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จำนวน ๙ ชุด ๒) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน ๒๙ แผน ชั่วโมงสอน ๒๙ ชั่วโมง ๓) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ ๓ ตัวเลือก จำนวน ๓๐ ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น (KR-20) ๐.๘๕ และ ๔) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ เป็นแบบมาตรประมาณค่า ๕ ระดับ มีค่าความเชื่อมั่น ( ) เท่ากับ ๐.๘๒ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย สองค่าจากกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว (t-test for Paired Samples)
ผลการวิจัย พบว่า
๑. แบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีประสิทธิภาพเท่ากับ ๘๓.๒๐/๘๒.๙๘ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ๘๐/๘๐ ที่กำหนดไว้
๒. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๓. ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มีค่าเท่ากับ ๐.๗๕๖๓ หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๕.๖๓ แสดงว่า หลังจากนักเรียนได้เรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนหรือมีความรู้เพิ่มขึ้น ๐.๗๕๖๓ หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๕.๖๓ ซึ่งมีค่ามากกว่า ๐.๗๐ ที่กำหนดไว้
๔. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านและเขียน เรื่อง มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ๔.๖๓