การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน ชุดศาสนาน่ารู้
ชื่อเรื่อง การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน ชุดศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้รายงาน นางนิตยา ไนยะxxxล ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
หน่วยงาน โรงเรียนโยธินนุxxxล เทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัด นครราชสีมา
ปีที่พิมพ์ 2561
บทคัดย่อ
การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนชุด ศาสนาน่ารู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ1) เพื่อสร้างและพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้เอกสาร ประกอบการเรียน ชุดศาสนาน่ารู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการรายงานครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโยธินนุxxxล เทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 26 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ใช้เวลาในการทดลอง 15 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานประกอบด้วย 1) เอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชนิดเลือกตอบแบบ 4 ตัวเลือก 30 ข้อ จำนวน 1 ชุด ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.50 ถึง 0.75 ค่า (B) อยู่ระหว่าง 0.22 ถึง 0.67 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาประสิทธิ ภาพ ของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผลและทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Samples) 3) แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียน ซึ่งค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม ในภาพรวม อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ( X= 4.83)
ชื่อผู้รายงาน นางนิตยา ไนยะxxxล ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
หน่วยงาน โรงเรียนโยธินนุxxxล เทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัด นครราชสีมา
ปีที่พิมพ์ 2561
บทคัดย่อ
การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนชุด ศาสนาน่ารู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ1) เพื่อสร้างและพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้เอกสาร ประกอบการเรียน ชุดศาสนาน่ารู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการรายงานครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนโยธินนุxxxล เทศบาลตำบลหนองไผ่ล้อม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 26 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ใช้เวลาในการทดลอง 15 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานประกอบด้วย 1) เอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชนิดเลือกตอบแบบ 4 ตัวเลือก 30 ข้อ จำนวน 1 ชุด ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.50 ถึง 0.75 ค่า (B) อยู่ระหว่าง 0.22 ถึง 0.67 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาประสิทธิ ภาพ ของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผลและทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Samples) 3) แบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียน ซึ่งค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน ชุด ศาสนาน่ารู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 5 เล่ม ในภาพรวม อยู่ในระดับเหมาะสมมากที่สุด ( X= 4.83)