ผลการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง
ชื่อเรื่อง ผลการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน
ผู้วิจัย นางตวงรัตน์ รื่นยุทธ์
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัยใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เทียบกับเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียนที่กำหนดไว้ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของนักเรียนทั้งหมด 2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน รูปแบบการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบ One Shot Case Study กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนเทศบาล 6 (วัดตันตยาภิรม) เทศบาลนครตรัง จังหวัดตรัง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน จำนวน 7 แผน ใช้เวลาสอน 14 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.50 - 0.69 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.31 - 0.56 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.89 แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพด้วยตนเองของนักเรียนที่มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.74 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน จำนวน 12 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ที่มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.82 สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent
ผลการวิจัย พบว่า
1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ร้อยละ 75 ขึ้นไป จำนวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 93.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้
2. พฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนหลังเรียน เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.79 , S.D. = 0.41)
ผู้วิจัย นางตวงรัตน์ รื่นยุทธ์
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัยใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เทียบกับเกณฑ์เป้าหมายของโรงเรียนที่กำหนดไว้ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของนักเรียนทั้งหมด 2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน รูปแบบการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบ One Shot Case Study กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนเทศบาล 6 (วัดตันตยาภิรม) เทศบาลนครตรัง จังหวัดตรัง ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน จำนวน 7 แผน ใช้เวลาสอน 14 ชั่วโมง 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.50 - 0.69 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.31 - 0.56 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.89 แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพด้วยตนเองของนักเรียนที่มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.74 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน จำนวน 12 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ที่มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.82 สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent
ผลการวิจัย พบว่า
1. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ร้อยละ 75 ขึ้นไป จำนวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 93.75 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้
2. พฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนหลังเรียน เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้โครงงานเป็นฐาน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เรื่อง สุขภาพดี ชีวีปลอดภัย ใส่ใจความพอเพียง โดยใช้โครงงานเป็นฐาน โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.79 , S.D. = 0.41)