การพัฒนาชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพ ฯ
หัวข้อ การพัฒนาชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้รายงาน นายศักดิ์ชัย กาฬสุวรรณ
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
ปี พ.ศ. 2561
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ทำการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนปรือใหญ่วิทยาบัลลังก์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 25 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่มจัดห้องเรียนเป็นแบบคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 6 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่ายตั้งแต่ .38 - .78 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ .38 - .77 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .81 และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 ข้อ มีลักษณะเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามแบบของลิเคอร์ท (Likert) 5 ระดับ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .86 โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟา () ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนและค่าดัชนีประสิทธิผล โดยใช้การทดสอบค่า t
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 89.62/87.20
2. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพ
ในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ที่พัฒนาขึ้น มีค่าเท่ากับ .7398 แสดงว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 73.98
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67, S.D. 5.49)
จากการวิจัยครั้งนี้สามารถพัฒนาผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 มีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น และมีความพึงพอใจในการเรียนระดับมากที่สุด สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขต่อไป
ผู้รายงาน นายศักดิ์ชัย กาฬสุวรรณ
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
ปี พ.ศ. 2561
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ทำการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนปรือใหญ่วิทยาบัลลังก์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 25 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่มจัดห้องเรียนเป็นแบบคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 6 ชุด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่ายตั้งแต่ .38 - .78 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ .38 - .77 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .81 และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 ข้อ มีลักษณะเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ตามแบบของลิเคอร์ท (Likert) 5 ระดับ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .86 โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟา () ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนและค่าดัชนีประสิทธิผล โดยใช้การทดสอบค่า t
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ 89.62/87.20
2. นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
3. ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพ
ในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 ที่พัฒนาขึ้น มีค่าเท่ากับ .7398 แสดงว่าผู้เรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 73.98
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 ก 23901 กิจกรรมแนะแนว 5 มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67, S.D. 5.49)
จากการวิจัยครั้งนี้สามารถพัฒนาผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีทักษะชีวิตและอาชีพในศตวรรษที่ 21 มีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น และมีความพึงพอใจในการเรียนระดับมากที่สุด สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขต่อไป