การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางเรไร วารี
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเขาฉกรรจ์วิทยาคม จำนวน 35 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) รูปแบบ การจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบทดสอบ วัดความสามารถในการคิดขั้นสูงด้านการคิดวิเคราะห์และการคิดแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และ 5) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที ( t-test dependent samples) และ การวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเพื่อพัฒนาวิธีการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทำให้ได้องค์ประกอบของรูปแบบ ดังนี้ 1) หลักการและวัตถุประสงค์ 2) กระบวนการเรียนการสอน และ 3) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีกระบวนการเรียนการสอน 4 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นเตรียมการหรือขั้นนำ (Preparation : P) 2) ขั้นจัดทักษะกระบวนการคิด (Thinking Skill : T) 3) ขั้นสร้างความรู้ (Construction of Knowledge : C) 4) ขั้นประเมินผล (Evaluation : E)
2. ผลการพัฒนารูปแบบวิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อันประกอบไปด้วยองค์ประกอบของรูปแบบ ดังนี้ 1) หลักการและวัตถุประสงค์ 2) กระบวนการเรียนการสอน และ 3) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ รูปแบบที่พัฒนาขึ้น มีกระบวนการเรียนการสอน 4 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นเตรียมการหรือขั้นนำ (Preparation : P) 2) ขั้นจัดทักษะกระบวนการคิด (Thinking Skill : T) 3) ขั้นสร้างความรู้ (Construction of Knowledge : C) 4) ขั้นประเมินผล (Evaluation : E) รูปแบบมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.13/84.22 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบวิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 และความสามารถในการคิดขั้นสูงโดยภาพรวมของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความสามารถ ในการคิดขั้นสูงโดยภาพรวมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
4. ผลการศึกษาศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวม นักเรียน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการประเมินในการจัดการเรียนรู้มากที่สุด
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย นางเรไร วารี
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูง ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเขาฉกรรจ์วิทยาคม จำนวน 35 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) รูปแบบ การจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบทดสอบ วัดความสามารถในการคิดขั้นสูงด้านการคิดวิเคราะห์และการคิดแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และ 5) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที ( t-test dependent samples) และ การวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเพื่อพัฒนาวิธีการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ทำให้ได้องค์ประกอบของรูปแบบ ดังนี้ 1) หลักการและวัตถุประสงค์ 2) กระบวนการเรียนการสอน และ 3) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีกระบวนการเรียนการสอน 4 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นเตรียมการหรือขั้นนำ (Preparation : P) 2) ขั้นจัดทักษะกระบวนการคิด (Thinking Skill : T) 3) ขั้นสร้างความรู้ (Construction of Knowledge : C) 4) ขั้นประเมินผล (Evaluation : E)
2. ผลการพัฒนารูปแบบวิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อันประกอบไปด้วยองค์ประกอบของรูปแบบ ดังนี้ 1) หลักการและวัตถุประสงค์ 2) กระบวนการเรียนการสอน และ 3) เงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ รูปแบบที่พัฒนาขึ้น มีกระบวนการเรียนการสอน 4 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นเตรียมการหรือขั้นนำ (Preparation : P) 2) ขั้นจัดทักษะกระบวนการคิด (Thinking Skill : T) 3) ขั้นสร้างความรู้ (Construction of Knowledge : C) 4) ขั้นประเมินผล (Evaluation : E) รูปแบบมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.13/84.22 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่าสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบวิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 และความสามารถในการคิดขั้นสูงโดยภาพรวมของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความสามารถ ในการคิดขั้นสูงโดยภาพรวมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05
4. ผลการศึกษาศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดขั้นสูงทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาพรวม นักเรียน มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด โดยนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการประเมินในการจัดการเรียนรู้มากที่สุด