การพัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

การพัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (English for Daily Communication : EDC) เพื่อส่งเสริมความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ๓ (วัดพุทธภูมิ) ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อสร้างรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) ดังนี้ 3.1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) 3.2) เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของกระบวนการเรียนรู้ ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 ภาคเรียนที่ 4 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 31 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ ตามรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) 2) แบบทดสอบความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 ข้อ 3) แบบมาตราส่วนประเมินค่าวัดความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ จำนวน 20 ข้อ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) จำนวน 10 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าทีแบบไม่อิสระจากกัน (t – test Dependent) ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน(Standard Deviation) ผลการวิจัยพบว่า
1.รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) เป็นรูปแบบการสอนที่บูรณาการการเรียนรู้แบบมุ่งเน้นประสบการณ์ทางภาษา ภายใต้แนวคิดการสอนภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษและทฤษฎีการเรียนรู้แบบมุ่งเน้นประสบการณ์ การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (PBL) และหลักการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก
2.รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) มีประสิทธิภาพ 89.56/87.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (80/80)
3.ผลการใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) พบว่า
3.1ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยพบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) มีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
3.2ดัชนีประสิทธิผลของกระบวนการเรียนรู้ ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) ก่อนเรียนและหลังเรียน มีค่าเท่ากับ 0.8056 หมายความว่าการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.8056 หรือคิดเป็นร้อยละ 80.56
4.ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน (EDC) โดยรวม อยู่ระดับมากที่สุด

ผู้วิจัย คุณครูฉัตรภัทร คงสุวรรณ โรงเรียนเทศบาล ๓ (วัดพุทธภูมิ) จ.ยะลา

ร่วมแสดงความคิดเห็น

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

รายละเอียด