การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิด
การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
นางบานชื่น หาจันดา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผู้วิจัยกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ดังนี้คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สำหรับพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อสร้างและแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3) เพื่อทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบ STAD เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 4) เพื่อประเมินการจัดกิจรรมการเรียนรู้แบบ STAD เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Purposive Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบ STAD เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) แบบทดสอบวัดการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน โดยใช้การเรียนแบบ STAD เรื่อง ตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย การหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t - test แบบ dependent โดยใช้แบบแผนที่ใช้ในการทดลองแบบ The One - Group Pretest - Posttest design
สรุปผลการวิจัย
1. สาเหตุที่เป็นปัญหาทำให้นักเรียนไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ 3 อันดับจาก
การศึกษาข้อมูลในปีการศึกษา 2559 ที่ผ่านมา คือ การจัดการเรียนรู้ยังเข้าใจยาก ขาดความรู้พื้นฐานที่นำไปสู่การเรียน คิดเป็นร้อยละ 56.06 กระบวนการเรียนรู้ ไม่ส่งเสริมกระบวนการคิด คิดเป็นร้อยละ 30.50 และบทบาทของผู้เรียนยังมีน้อย คิดเป็นร้อยละ 13.44 สรุปได้ว่า สาเหตุหลักของปัญหาที่นักเรียนไม่บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ ที่ครูควรจะแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือ การจัดการเรียนรู้ยังเข้าใจยากนักเรียนขาดความรู้พื้นฐาน กระบวนการเรียนรู้ ไม่ส่งเสริมกระบวนการคิด และบทบาทของผู้เรียนมีน้อย
2. สามารถสร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิด
วิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5และผู้เชี่ยวชาญประเมินให้แผนการจัดการเรียนรู้ในโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่า .64 และมีประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) เท่ากับ 80.08/82.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (80/80)
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 18.34 และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 85.25 ซึ่งหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การเรียนแบบ STAD เรื่อง ตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ยรวม = 4.39 ค่า S.D. = 0.59 แสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน อยู่ในระดับมาก
นางบานชื่น หาจันดา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผู้วิจัยกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ดังนี้คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สำหรับพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อสร้างและแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3) เพื่อทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบ STAD เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 4) เพื่อประเมินการจัดกิจรรมการเรียนรู้แบบ STAD เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนหนองสังข์วิทยายน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Purposive Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบ STAD เพื่อพัฒนาการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) แบบทดสอบวัดการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน โดยใช้การเรียนแบบ STAD เรื่อง ตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย การหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t - test แบบ dependent โดยใช้แบบแผนที่ใช้ในการทดลองแบบ The One - Group Pretest - Posttest design
สรุปผลการวิจัย
1. สาเหตุที่เป็นปัญหาทำให้นักเรียนไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ 3 อันดับจาก
การศึกษาข้อมูลในปีการศึกษา 2559 ที่ผ่านมา คือ การจัดการเรียนรู้ยังเข้าใจยาก ขาดความรู้พื้นฐานที่นำไปสู่การเรียน คิดเป็นร้อยละ 56.06 กระบวนการเรียนรู้ ไม่ส่งเสริมกระบวนการคิด คิดเป็นร้อยละ 30.50 และบทบาทของผู้เรียนยังมีน้อย คิดเป็นร้อยละ 13.44 สรุปได้ว่า สาเหตุหลักของปัญหาที่นักเรียนไม่บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ ที่ครูควรจะแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือ การจัดการเรียนรู้ยังเข้าใจยากนักเรียนขาดความรู้พื้นฐาน กระบวนการเรียนรู้ ไม่ส่งเสริมกระบวนการคิด และบทบาทของผู้เรียนมีน้อย
2. สามารถสร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความสามารถด้านการคิด
วิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ โดยใช้เทคนิคแบบ STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5และผู้เชี่ยวชาญประเมินให้แผนการจัดการเรียนรู้ในโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่า .64 และมีประสิทธิภาพของกระบวนการและประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) เท่ากับ 80.08/82.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (80/80)
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ตรีโกณมิติ ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 18.34 และหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 85.25 ซึ่งหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การเรียนแบบ STAD เรื่อง ตรีโกณมิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ยรวม = 4.39 ค่า S.D. = 0.59 แสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน อยู่ในระดับมาก