เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ วิชาคณิตศาสตร์ ม.6
แบบกลุ่มช่วยรายบุคคล (Team Assisted Individualization : TAI) เรื่อง
สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางสาวจิรัชยา จันทะวัน
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล (Team Assisted Individualization : TAI) เรื่อง สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล (Team Assisted Individualization : TAI) เรื่อง สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล (Team Assisted Individualization : TAI) เรื่อง สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ที่กำลังเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเมืองพัทยา 11 (มัธยมสาธิตพัทยา) สังกัดสำนักการศึกษาเมืองพัทยา จำนวน 38 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เนื่องจากมีการจัดห้องเรียนโดยคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ จำนวน 6 ชุดกิจกรรม แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล (Team Assisted Individualization : TAI) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ 40 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือแบบกลุ่มช่วยรายบุคคล (Team Assisted Individualization : TAI) เรื่อง สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.75/82.96 ซึ่ง เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียน เรื่อง สถิติและความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 16.92 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.88 จากคะแนนเต็ม 40 คะแนน หลังจากการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 33.18 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.56 ผลการทดสอบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังเรียน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน