การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรง
ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นายจิรยุทธ์ หล่อยดา วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อเปรียบเทียบทักษะปฏิบัติของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยมที่เรียนรายวิชาไฟฟ้า4 (วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) ในปีการศึกษา 2561 จำนวน 2 ห้องเรียน จำนวน 75 คน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยมที่เรียนรายวิชาไฟฟ้า4 (วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) ในปีการศึกษา 2561 จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยที่ 2 เรื่องวงจรไฟฟ้ากระแสตรง รายวิชาไฟฟ้า4(วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) โดยใช้ชุดกิจกรรมวงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาไฟฟ้า4 (วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) เรื่องวงจรไฟฟ้ากระแสตรง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินทักษะปฏิบัติของนักเรียนต่อการเรียนการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ5) แบบสอบถามระดับความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนการสอน โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรง เรื่องวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
ผลจาการวิจัยปรากฏดังนี้ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีค่าเท่ากับ 84.50/83.17 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรง มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.67 แปลผลความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 67 ทักษะการปฏิบัติของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงชั้นมัธยมศึกษาที่ 2 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.90 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.65 แปรผลโดยรวมนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงมีทักษะปฏิบัติในการต่อวงจรไฟฟ้ากระแสตรงอยู่ในระดับมากที่สุดและผลของทักษะปฏิบัติ การต่อวงจรไฟฟ้ากระแสตรงก่อนเรียนและหลังเรียนมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีค่าเฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.76 แปลผลโดยรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นายจิรยุทธ์ หล่อยดา วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อเปรียบเทียบทักษะปฏิบัติของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประชากรเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยมที่เรียนรายวิชาไฟฟ้า4 (วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) ในปีการศึกษา 2561 จำนวน 2 ห้องเรียน จำนวน 75 คน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนเทศบาลบ้านสามเหลี่ยมที่เรียนรายวิชาไฟฟ้า4 (วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) ในปีการศึกษา 2561 จำนวน 20 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยที่ 2 เรื่องวงจรไฟฟ้ากระแสตรง รายวิชาไฟฟ้า4(วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) โดยใช้ชุดกิจกรรมวงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาไฟฟ้า4 (วงจรไฟฟ้าเบื้องต้น) เรื่องวงจรไฟฟ้ากระแสตรง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินทักษะปฏิบัติของนักเรียนต่อการเรียนการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ5) แบบสอบถามระดับความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนการสอน โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรง เรื่องวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
ผลจาการวิจัยปรากฏดังนี้ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีค่าเท่ากับ 84.50/83.17 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรง มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.67 แปลผลความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 67 ทักษะการปฏิบัติของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงชั้นมัธยมศึกษาที่ 2 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.90 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.65 แปรผลโดยรวมนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงมีทักษะปฏิบัติในการต่อวงจรไฟฟ้ากระแสตรงอยู่ในระดับมากที่สุดและผลของทักษะปฏิบัติ การต่อวงจรไฟฟ้ากระแสตรงก่อนเรียนและหลังเรียนมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ส่งเสริมทักษะปฏิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีค่าเฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ 4.56 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.76 แปลผลโดยรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด