การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K
ชื่อเรื่อง : การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณหารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ชื่อผู้วิจัย : นางสาวสุภาพร สุขศรี
โรงเรียน : โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร
ปีการศึกษา : 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 2) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 75/75 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ดำเนินการวิจัยและพัฒนา 4 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์กลุ่มเป้าหมายเป็นครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร จำนวน 5 คน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 39 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสถิติทดสอบที ขั้นตอนที่ 4 ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบันครูมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาวิชาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับปานกลาง ( = 2.32, S.D. = .03) และมีความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.68, S.D. = .10)
2. กิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เป็นขั้นตอนการเตรียมความพร้อมของผู้เรียน ขั้นสอน ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย 3 ขั้นตอน คือ ขั้นการสร้างความขัดแย้งทางปัญญา เป็นขั้นการเสนอสถานการณ์ที่เป็นปัญหา ขั้นการไตร่ตรองกลุ่มย่อย เป็นขั้นการจัดนักเรียนเข้ากลุ่มย่อยแบบคละความสามารถ เสนอและอภิปรายตามเทคนิค K-W-D-L ขั้นเสนอการแก้ปัญหาต่อชั้นเรียน ขั้นสรุปผลการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา เป็นขั้นที่ให้นักเรียนร่วมกันสรุปสร้างคำอธิบาย อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แนวคิด หลักการ และกระบวนการแก้ปัญหา ในเรื่องที่เรียน พบว่า กิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L มีความเหมาะสมมาก ( = 4.31, S.D. = .51) และมีประสิทธิภาพ 80.67/79.22 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L มีความเหมาะสมระดับมาก ( = 4.40, S.D. = .50)
3. ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์หลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.26, S.D. = .15)
ชื่อผู้วิจัย : นางสาวสุภาพร สุขศรี
โรงเรียน : โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร
ปีการศึกษา : 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 2) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์ 75/75 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ดำเนินการวิจัยและพัฒนา 4 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์กลุ่มเป้าหมายเป็นครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร จำนวน 5 คน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและหาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 ท่าน ขั้นตอนที่ 3 ทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนเทศบาลวัดท้าวโคตร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 39 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสถิติทดสอบที ขั้นตอนที่ 4 ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เรื่อง โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบันครูมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาวิชาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับปานกลาง ( = 2.32, S.D. = .03) และมีความต้องการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.68, S.D. = .10)
2. กิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เป็นขั้นตอนการเตรียมความพร้อมของผู้เรียน ขั้นสอน ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย 3 ขั้นตอน คือ ขั้นการสร้างความขัดแย้งทางปัญญา เป็นขั้นการเสนอสถานการณ์ที่เป็นปัญหา ขั้นการไตร่ตรองกลุ่มย่อย เป็นขั้นการจัดนักเรียนเข้ากลุ่มย่อยแบบคละความสามารถ เสนอและอภิปรายตามเทคนิค K-W-D-L ขั้นเสนอการแก้ปัญหาต่อชั้นเรียน ขั้นสรุปผลการสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา เป็นขั้นที่ให้นักเรียนร่วมกันสรุปสร้างคำอธิบาย อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แนวคิด หลักการ และกระบวนการแก้ปัญหา ในเรื่องที่เรียน พบว่า กิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L มีความเหมาะสมมาก ( = 4.31, S.D. = .51) และมีประสิทธิภาพ 80.67/79.22 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L มีความเหมาะสมระดับมาก ( = 4.40, S.D. = .50)
3. ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์หลังเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ร่วมกับเทคนิค K-W-D-L เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.26, S.D. = .15)