รายงานการพัฒนาระบบสารสนเทศงานห้องสมุดโรงเรียนสูงเนิน
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
ชื่อผู้วิจัย นางรำไพร ทิพยชยางกุล
ปีที่ศึกษา 2555
บทคัดย่อ
ระบบสารสนเทศเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นที่ใช้ในการวางแผนการตัดสินใจ
การบริหารงานห้องสมุดโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งการให้บริการ ยืม คืน การบันทึกสถิติและ
การสืบค้น ยังใช้ระบบมือไว้ในสมุดทะเบียน บางครั้งขาดการบันทึกข้อมูลของผู้มาใช้บริการ จึงทำ
ให้ข้อมูลไม่เป็นปัจจุบันและสืบค้นได้ยาก การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ มีความมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศงานห้องสมุดโรงเรียนสูงเนิน สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ให้มีความถูกต้อง สมบูรณ์ ทันสมัย สืบค้นได้รวดเร็วและผู้รับบริการมีความพึงพอใจ ใน 4 ด้านประกอบด้วย การยืมคืนสืบค้น การตรวจนับสถิติ การจัดการสารสนเทศทรัพยากรห้องสมุด และการออกเอกสารายงาน ตามขั้นตอนการพัฒนาระบบสารสนเทศ 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย การศึกษา การวิเคราะห์ระบบ การออกแบบระบบ การนำระบบไปใช้ การดูแลรักษาและตรวจสอบระบบ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ ดำเนินการพัฒนา 2 วงรอบในแต่ละวงรอบ ประกอบด้วย การวางแผน การปฏิบัติ การสังเกต และการสะท้อนผลการปฏิบัติ กลยุทธ์ในการพัฒนา ประกอบด้วย การประชุมเชิงปฏิบัติการ การนิเทศติดตาม กลุ่มผู้ร่วมวิจัย จำนวน 5 คน ประกอบด้วย ผู้วิจัยในฐานะบรรณารักษ์ห้องสมุด และเจ้าหน้าที่ห้องสมุด จำนวน 4 คน เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบบันทึก แบบสัมภาษณ์ แบบประเมิน แบบสอบถาม และแบบบันทึกผลการวิเคราะห์การให้คำปรึกษา การจัดกระทำข้อมูลและการตรวจสอบข้อมูล ยึดหลักการตรวจสอบข้อมูลหลายมิติ และนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าเชิงพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า การพัฒนาระบบสารสนเทศงานห้องสมุด ในวงรอบที่ 1 โดยใช้กลยุทธ์การประชุมทีมวินิจฉัยสภาพการณ์ การประชุมเชิงปฏิบัติการ และการนิเทศติดตามให้คำปรึกษาในกระบวนการทำงาน ทำให้กลุ่มผู้ร่วมศึกษาค้นคว้าสามารถติดตั้งและใช้โปรแกรมประมวลผลงานห้องสมุดได้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ ทันสมัย สืบค้นได้รวดเร็วโดยรวมเป็นโปรแกรมประมวลผลที่มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก และผู้รับบริการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อทำการดูแลรักษาระบบ สามารถสร้างความปลอดภัยให้กับฐานข้อมูลได้ โดยการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเพื่อการบำรุงรักษาระบบ ทำการสำรองไฟล์ข้อมูลไว้ในแผ่นซีดี ให้คำแนะนำก่อนใช้โปรแกรม เมื่อทำการทบทวนระบบ ไม่พบจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขในโปรแกรม แต่ยังมีกลุ่มผู้ร่วมศึกษาค้นคว้า 1 คน คือ คณะกรรมการห้องสมุด ยังขาดทักษะพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ จึงได้ดำเนินการพัฒนาทุกงานในวงรอบที่ 2 โดยใช้กลยุทธ์การนิเทศติดตามให้คำปรึกษาในกระบวนการทำงาน สามารถใช้โปรแกรมประมวลผลสารสนเทศงานห้องสมุด ได้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ เป็นปัจจุบัน สืบค้นได้รวดเร็วและผู้รับบริการมีความพึงพอใจ และสามารถป้องกันการสูญหายของข้อมูลได้และทบทวนระบบไม่พบจุดอ่อนที่ต้องปรับแก้ไขในโปรแกรม โดยสรุป การพัฒนาระบบสารสนเทศงานห้องสมุดโรงเรียนสูงเนิน โดยใช้กลยุทธ์การประชุมทีมวินิจฉัยสภาพการณ์ การประชุมเชิงปฏิบัติการและการให้คำปรึกษาในกระบวนการทำงาน ทำให้โรงเรียนมีระบบสารสนเทศงานห้องสมุด ที่มีความถูกต้อง สมบูรณ์ ทันสมัย สืบค้นได้ง่าย และผู้รับบริการมีความพึงพอใจ จึงควรสนับสนุนส่งเสริมให้นำกลยุทธ์ดังกล่าวไปใช้พัฒนาระบบสารสนเทศงานห้องสมุด ในโรงเรียนอื่นๆ ต่อไป