KRUWANDEE

ชื่อเรื่อง    การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้ศึกษา    นางสาววรินทร์ภรณ์ คำมา
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของการใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยการใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประชากรในการศึกษา คือ ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่กำลังศึกษาภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล 1 (ทุ่งฟ้าบดราษฎร์บำรุง) อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 47 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ จำนวน 14 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 1 ชุด วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และการทดสอบค่าที t - test (Dependent sample)
    ผลการศึกษาพบว่า
1.ประสิทธิภาพของการใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เท่ากับ 85.25/86.22 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้เรื่อง แรงและการเคลื่อนที่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51