ผลของการใช้เพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ชื่องานวิจัย ผลของการใช้เพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
ชั้น ม. 4 รายวิชา ว31101 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ชื่อผู้วิจัย นายสิปป์แสง สุขผล
ปีการศึกษา : 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการใช้เพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น ม.4 วิชารายวิชา ว31101 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 36 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ เพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องฮอร์โมนพืช จำนวน 12 ข้อ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t-test โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน และภายหลังจากเรียนเนื้อหาเสร็จ นักเรียนจะถูกทดสอบด้วยแบบทดสอบอีกครั้ง จากนั้นครูจึงสอนนักเรียนให้ร้องเพลงฮอร์โมนพืช แล้วทำการทดสอบด้วยแบบทดสอบเดิมเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นนำผลคะแนนสอบแต่ละครั้งมาหาค่าเฉลี่ย และทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t- test
ผลการวิจัยปรากฏว่า คะแนนสอบหลังจากเรียนตามปกติและให้ร้องเพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืชมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 86.08 รองลงมาคือ คะแนนหลังเรียนตามปกติ คิดเป็นร้อยละ 43.75 และ คะแนนก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 25.25 ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ พบว่ามีค่า P-Vaule= 0.00 < 0.05 หมายความว่า คะแนนหลังให้นักเรียนร้องเพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช สูงกว่าคะแนนหลังเรียนตามปกติก่อนให้ร้องเพลงช่วยจำที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05
Link: https://www.youtube.com/watch?v=areZKUFx5mw
ชั้น ม. 4 รายวิชา ว31101 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ชื่อผู้วิจัย นายสิปป์แสง สุขผล
ปีการศึกษา : 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการใช้เพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น ม.4 วิชารายวิชา ว31101 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 36 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ เพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องฮอร์โมนพืช จำนวน 12 ข้อ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t-test โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน และภายหลังจากเรียนเนื้อหาเสร็จ นักเรียนจะถูกทดสอบด้วยแบบทดสอบอีกครั้ง จากนั้นครูจึงสอนนักเรียนให้ร้องเพลงฮอร์โมนพืช แล้วทำการทดสอบด้วยแบบทดสอบเดิมเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นนำผลคะแนนสอบแต่ละครั้งมาหาค่าเฉลี่ย และทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t- test
ผลการวิจัยปรากฏว่า คะแนนสอบหลังจากเรียนตามปกติและให้ร้องเพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืชมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 86.08 รองลงมาคือ คะแนนหลังเรียนตามปกติ คิดเป็นร้อยละ 43.75 และ คะแนนก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 25.25 ตามลำดับ จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ พบว่ามีค่า P-Vaule= 0.00 < 0.05 หมายความว่า คะแนนหลังให้นักเรียนร้องเพลงช่วยจำเรื่องฮอร์โมนพืช สูงกว่าคะแนนหลังเรียนตามปกติก่อนให้ร้องเพลงช่วยจำที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05
Link: https://www.youtube.com/watch?v=areZKUFx5mw