นางนิตยา ถาวโร
ชื่อเรื่อง การพัฒนาเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วย
จาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้ศึกษา นางนิตยา ถาวโร
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 2 สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปี พ.ศ.2561
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพเอกสารประกอบ การเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน 3) ประเมินทักษะงานประดิษฐ์ของนักเรียนที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 2 สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองปากพนัง ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ 1) เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก จำนวน 6 หน่วยเรียน 2) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ จำนวน 6 แผน รวมเวลาที่ใช้ในการทดลอง 18 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางเรียน 4) แบบประเมินทักษะงานประประดิษฐ์ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และการทดสอบค่า T (T-test แบบ Independent)ผลการวิจัยพบว่า
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจากโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 84.93/84.76 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ผู้ศึกษากำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจากโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการประเมินทักษะการประดิษฐ์ของนักเรียนที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน การสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยจากการประเมิน คิดเป็นร้อยละ 83.33 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ประเมินทักษะงานประดิษฐ์ อยู่ในระดับดีมาก ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 75 ที่ตั้งไว้
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน การสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.60, S.D.=0.51)
จาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระ
การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้ศึกษา นางนิตยา ถาวโร
หน่วยงาน โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 2 สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองปากพนัง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปี พ.ศ.2561
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพเอกสารประกอบ การเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน 3) ประเมินทักษะงานประดิษฐ์ของนักเรียนที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนเทศบาลปากพนัง 2 สังกัดกองการศึกษาเทศบาลเมืองปากพนัง ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ 1) เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก จำนวน 6 หน่วยเรียน 2) แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ จำนวน 6 แผน รวมเวลาที่ใช้ในการทดลอง 18 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางเรียน 4) แบบประเมินทักษะงานประประดิษฐ์ และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และการทดสอบค่า T (T-test แบบ Independent)ผลการวิจัยพบว่า
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจากโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 84.93/84.76 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ผู้ศึกษากำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจากโดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการประเมินทักษะการประดิษฐ์ของนักเรียนที่เรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน การสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยจากการประเมิน คิดเป็นร้อยละ 83.33 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ประเมินทักษะงานประดิษฐ์ อยู่ในระดับดีมาก ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 75 ที่ตั้งไว้
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน การสอน เรื่อง การประดิษฐ์ของใช้พื้นบ้านด้วยจาก โดยใช้กระบวนการเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมทักษะงานประดิษฐ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.60, S.D.=0.51)