ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
ผู้ศึกษา นางนานทรี หุ้นxxxง
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีจดประสงค์เพื่อ 1) สร้างและพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) พัฒนาผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนรัษฎา อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 13 ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาเพิ่มเติม รหัสวิชา ว33205 รายวิชา ฟิสิกส์ 5 จำนวน 2 ห้องเรียน รวม 71 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 จำนวนนักเรียน 37 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม แบบแผนการศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงการทดลองแบบกลุ่มเดียว มีการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7 ชุด 2) แผนจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ 5 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส จำนวน 8 แผน ระยะเวลา 20 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จัดทำเป็นแบบทดสอบคู่ขนานสำหรับใช้ก่อนเรียนและหลังเรียน ฉบับละ 30 ข้อ และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E_1⁄E_2 ) ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ค่าความยาก-ง่าย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ ค่าดัชนีประสิทธิผล และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples)
ผลการศึกษา พบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ E_1⁄E_2 =81.15⁄81.11 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่ใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้โดยเสริมกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาของโพลยา เรื่อง ความร้อนและทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.55 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.31 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด