รายงาน การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึกเสริ
ผู้ศึกษาค้นคว้า นางไสว สุตานนท์
ปีการศึกษา 2554
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการคิดคำนวณ เรื่อง การหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการคิดคำนวณ และกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาร ในวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองบัว(ชาลีราษฎร์สามัคคี) อำเภอ แก้งสนามนาง จังหวัด นครราชสีมา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 2) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองบัว(ชาลีราษฎร์สามัคคี) อำเภอ แก้งสนามนาง จังหวัด นครราชสีมา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ให้มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ นักเรียนร้อยละ 70 มีระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนร้อยละ 70 ขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 โรงเรียนบ้านหนองบัว(ชาลีราษฎร์สามัคคี)
จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 16 คน
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือในการวิจัย 3 ประเภท 1) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การหาร จำนวน 12 แผนการจัดการเรียนรู้ ใช้เวลาในการปฏิบัติการสอน 18 ชั่วโมง และแบบบันทึกเสริมทักษะการคิดคำนวณ จำนวน 12 ชุด 2) เครื่องมือที่ใช้ในการสะท้อนผลการปฏิบัติ ได้แก่ แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ แบบบันทึกผลการใช้แผน และแบบทดสอบย่อยท้ายแผน 3) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการคิดคำนวณ ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เป็นแบบทดสอบอิงเกณฑ์ เป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ
ผลการวิจัยพบว่า
1. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการคิดคำนวณ พบว่า การพัฒนา
กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการคิดคำนวณ ทำให้นักเรียนสามารถเข้าใจและอธิบายความหมายของการหารได้ บอกสิ่งที่โจทย์ต้องการทราบได้ รวมถึงการแก้โจทย์ปัญหาเพื่อหาคำตอบ นักเรียนก็สามารถทำได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าในช่วงแรกที่ทดลองปฏิบัตินักเรียนยังคงไม่เข้าใจในการจัดกิจกรรมที่ผู้วิจัยจัดขึ้น ผู้วิจัยต้องชี้แนะและอธิบายค่อนข้างมาก นักเรียนใช้เวลาในการคิดหาคำตอบค่อนข้างมาก โดยครูผู้สอนก็จะชี้แนะแนวทางและกระตุ้นช่วยให้นักเรียนมีวิธีแก้ปัญหาที่หลากหลายมากขึ้น สังเกตเห็นว่า นักเรียนมีความมั่นใจและมีความพยายามที่คิดหาวิธีที่จะได้มาซึ่งคำตอบที่เป็นคำตอบของตัวเองแตกต่างกันไป เมื่อใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนคิดหาคำตอบจะช่วยให้พบกับความผิดพลาดในการคำนวณหาคำตอบลดลง ซึ่งถ้ามองภาพรวมนักเรียนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่ผู้วิจัยจัดขึ้น เป็นที่น่าพอใจและนักเรียนสามารถหาคำตอบและแก้โจทย์ปัญหาได้ดี
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
พบว่า มีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 100