การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย นายอับดุลเลาะ นาปี
ปีการศึกษา 2559
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล ๕ (บ้านตลาดเก่า) อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 25 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นจำนวน 6 ชุด (2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น จำนวน 6 แผน (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.32 ถึง 0.65 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 (4) แบบวัดความพึงพอใจ แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานด้วย t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 81.29/80.93 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ประกอบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น โดยรวมอยู่ระดับมากที่สุด