เอกสารประกอบการเรียน ง่านเกษตร ประถมศึกษาปีที่ 3
ผู้รายงาน นางสาวเพียรเพ็ญ อ่อนเงิน
โรงเรียน โรงเรียนอนุบาลวิหารแดง จังหวัดสระบุรี
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 2
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้าง และพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน ให้ได้ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน จากการใช้เอกสารประกอบการเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อเอกสารประกอบการเรียน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาได้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนอนุบาลวิหารแดง จังหวัดสระบุรี จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ เอกสารประกอบการเรียนที่สร้างขึ้น จำนวน 5 เล่ม เวลาที่ใช้สอน 10 ชั่วโมง เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่าย(P) ระหว่าง .41 - .76 ค่าอำนาจจำแนก(r) ระหว่าง .20 - .50 ค่าความเชื่อมั่น (Reliability) .81 และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อเอกสารประกอบการเรียนเป็นแบบมาตรประมาณค่า 5 คำตอบแบบลิเคิร์ทจำนวน 10 ข้อ โดยเก็บข้อมูล จากนักเรียนด้วยการทดสอบก่อนเรียน จากนั้นจึงดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เอกสารประกอบการเรียน ขณะที่เรียนแต่ละเล่มก็จะทำการเก็บข้อมูลคะแนนจากการทำแบบฝึกหัด และคะแนนการทดสอบท้ายบทไว้ จนครบทั้ง 5 เล่ม ทำการทดสอบหลังเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฉบับเดียวกับที่ทำการทดสอบก่อนเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นของนักเรียน ต่อเอกสารประกอบการเรียนด้วยแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่ผู้รายงานสร้างขึ้นจากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ค่าสถิติ ได้แก่ คะแนนเฉลี่ย ( ) คะแนนเฉลี่ยร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คะแนนเฉลี่ยร้อยละของกระบวนการ และผลผลิต (E1 / E2) และสถิติทดสอบค่าที (t-test)
ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. เอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 งานเกษตร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพของกระบวนการต่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ เท่ากับ 83.87/86.67 และเมื่อพิจารณาเป็นรายเล่มพบว่าสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ทุกเล่ม
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากเอกสารประกอบการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 งานเกษตร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน หลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 26 ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 13 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนเรียน 2.586 หลังเรียน 1.174 ต่ำกว่าก่อนเรียน แสดงว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นใกล้เคียงกันจากการใช้เอกสารประกอบการเรียน
3. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน และหลังเรียนจากเอกสารประกอบการเรียนของนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อเอกสารประกอบการเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.85 และรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ