การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของสลาวิน
ชื่องานวิจัย : การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของสลาวิน ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบ
สืบเสาะหาความรู้ 7Es เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์และ
สัตว์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
ผู้วิจัย : ภูสิทธิ์ โบบทอง
ปีที่วิจัย : 2561
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของสลาวิน ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7Esเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของสลาวิน ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7Esเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ให้มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของสลาวิน ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7Esเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 4) ประเมินผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของสลาวินร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7Esเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2/1โรงเรียนเทศบาลบ้านท้ายช้างเทศบาลเมืองพังงาจังหวัดพังงาจำนวน25คนทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา 2561 เป็นเวลา 18ชั่วโมงแบบแผนการทดลองคือOne–GroupPretestPosttestDesignเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แผนการจัดการเรียนรู้4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบประเมินผลความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC)การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( )ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที(t – test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของสลาวิน ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7Esเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้KATEC Model โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้KATEC Modelประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1การให้ความรู้และการสร้างความตระหนัก (Knowledge and Awareness)ขั้นที่ 2 ขั้นสอน (Teaching: T)ขั้นที่ 3 ขั้นวัดและประเมินผล (Evaluation: E)และขั้นที่ 4ขั้นสรุป (Conclusion: C)โดยความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้(KATEC Model) มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ในระดับมาก
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATEC Model) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้7Esมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติที่ระดับ.01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATEC Model) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้7Esมีคะแนนเฉลี่ยรวม( )เท่ากับ 3.77และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S.D.)เท่ากับ .49 เมื่อเทียบกับเกณฑ์การพิจารณาระดับความพึงพอใจแสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATEC Model) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้7Esอยู่ระดับมาก