การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝ
ผู้วิจัย นางสุรีย์พร กันเทพา
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สังกัด โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่พิมพ์ 2562
...................................................................................................................................
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสภาพบริบทและความต้องการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี ตำบลตระกาจ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (2) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (3) แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง .30 ถึง .80 มีค่าอำนาจจำแนก .27 ถึง .73 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .95 (5) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ E1/E2 และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. โดยภาพรวมผู้บริหาร ครูผู้สอน และผู้ปกครองเห็นว่า โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคีมีความพร้อมด้านบริบทที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนส่วนใหญ่เห็นว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรูปแบบนี้จะเป็นประโยชน์กับนักเรียน นักเรียนต้องการให้ครูเป็นผู้ให้คำปรึกษาในเรื่องการเรียน และความต้องการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของนักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สร้างขึ้น มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ตามบริบทและความต้องการของโรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี โดยผู้เชี่ยวชาญเห็นว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อทดลองภาคสนาม (ในการวิจัยระยะที่ 2 : การสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ) โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสานกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี จำนวน 30 คน พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.50/82.83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ และเมื่อนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการ ศึกษา 2559 โรงเรียนตระกาศประชาสามัคคี จำนวน 32 คน (ในการวิจัยระยะที่ 3 : การทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ) พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.75/82.73 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในการจัดการเรียนการสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ ทั้ง 10 แผน พบว่า
3.1 ผลการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนมีความกระตือรือร้น มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน มีการปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียนด้วยกัน มีการร่วมมือกันในการทำงานโดยใช้กระบวนการกลุ่ม ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างดีและมีคะแนนการทดสอบย่อยหลังเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 100 ในทุกกิจกรรม
3.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWLA ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก