การใช้ชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการเรียนแบบฯ
ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจิตสาธารณะ
เรื่อง พุทธธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นายไพฑูรย์ รัตนานุxxxล ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนเทศบาลวัดนิโครธาราม สังกัดเทศบาลเมืองพัทลุง
อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
ปีพุทธศักราช 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิตประจำวันด้วยวิธี การเรียนแบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจิตสาธารณะ เรื่อง พุทธธรรม ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาผลการใช้ชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจิตสาธารณะ เรื่อง พุทธธรรม และ 3) ศึกษา ความพึงพอใจต่อชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจิตสาธารณะ เรื่อง พุทธธรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 30 คน โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling ) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิต ประจำวัน เรื่อง พุทธธรรม จำนวน 3 เล่ม 2) แผนการจัดการเรียนรู้การเรียนแบบร่วมมือ สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 แผน 16 ชั่วโมง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบวัดและประเมินจิตสาธารณะ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิตประจำวัน 6) สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนก่อนเรียน/หลังเรียน และการทดสอบค่าสถิติ t-test
ผลจากการวิจัย พบว่า 1) ผลการพัฒนาชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิต ประจำวัน ด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและจิตสาธารณะ เรื่อง พุทธธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ(E1/E2) เท่ากับ 90.48 / 87.75 ซึ่งมีประสิทธิภาพ สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 2) ผลการใช้ชุดการเรียนรู้จากสื่อในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนและจิตสาธารณะ เรื่อง พุทธธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถม- ศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดการเรียนแบบร่วมมือจากสื่อในชีวิตประจำวันอยู่ในระดับมากที่สุด และนักเรียนมีจิตสาธารณะอยู่ในระดับมากที่สุด