รายงานผลการใช้และการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ป.6
ชื่อเรื่อง รายงานผลการใช้และการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร
ผู้ศึกษา นางลัดดาวัลย์ ศรีท่าดินแดง
สังกัด โรงเรียนบ้านพันเสด็จนอก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านพันเสด็จนอก สำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 27 คน ซึ่งได้มาโดย
การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เพราะเป็นนักเรียนที่ผู้ศึกษาทำการสอน และมีปัญหาเรื่องผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่โรงเรียนกำหนด และต้องมีการทดสอบระดับชาติ
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้มี 4 ประเภท ได้แก่ 1) แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร เล่มที่ 1-14 จำนวน 14 เล่ม ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.46 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.14 ซึ่งมีค่าความเหมาะสมมากที่สุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร จำนวน 14 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง (ไม่รวมทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน) 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 30 ข้อ เป็นข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
ค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.28 - 0.74 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.25 - 0.67 และค่า
ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (rtt) เท่ากับ 0.76
4) แบบวัดความพึงพอใจที่มีผลต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 15 ข้อ ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.61 และนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผลการศึกษาได้ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน
และการบวก การลบ การคูณ การหาร มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.63/80.49 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ที่ตั้งไว้ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วนและการบวก การลบ การคูณ การหาร หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วนและการบวก การลบ การคูณ การหาร เฉลี่ยเท่ากับ 4.54 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.61 แสดงว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร
ผู้ศึกษา นางลัดดาวัลย์ ศรีท่าดินแดง
สังกัด โรงเรียนบ้านพันเสด็จนอก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านพันเสด็จนอก สำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 27 คน ซึ่งได้มาโดย
การเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เพราะเป็นนักเรียนที่ผู้ศึกษาทำการสอน และมีปัญหาเรื่องผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่โรงเรียนกำหนด และต้องมีการทดสอบระดับชาติ
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้มี 4 ประเภท ได้แก่ 1) แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร เล่มที่ 1-14 จำนวน 14 เล่ม ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.46 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.14 ซึ่งมีค่าความเหมาะสมมากที่สุด 2) แผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร จำนวน 14 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง (ไม่รวมทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน) 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 30 ข้อ เป็นข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
ค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.28 - 0.74 ค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.25 - 0.67 และค่า
ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (rtt) เท่ากับ 0.76
4) แบบวัดความพึงพอใจที่มีผลต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน และการบวก การลบ การคูณ การหาร ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 15 ข้อ ได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.54 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.61 และนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด
สรุปผลการศึกษาได้ ดังนี้
1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วน
และการบวก การลบ การคูณ การหาร มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.63/80.49 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ที่ตั้งไว้ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วนและการบวก การลบ การคูณ การหาร หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง เศษส่วนและการบวก การลบ การคูณ การหาร เฉลี่ยเท่ากับ 4.54 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.61 แสดงว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด