การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้วิจัย นางนุชนาถ จรทะผา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนประชาพัฒนา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี
วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนี
ประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มี
ต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน ในโรงเรียนประชาพัฒนา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน 8 แผน รวมทั้งสิ้น 22 ชั่วโมง 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 8 ชุด มีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
4.55 ถึง 4.66 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พันธะเคมี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ซึ่งเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.28 ถึง 0.78 และค่าอํานาจจําแนก (B) ตั้งแต่ 0.29 ถึง 0.86 และมีค่าความเชื่อมั่น (rcc ) เท่ากับ 0.90
4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี
วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale)
5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่า อำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ .33 ถึง .78 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยการทดสอบค่าที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน
(t – test Dependent)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.81/81.56 เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีค่าเท่ากับ .7600 หมายความว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ร้อยละ 76.00
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่พึงพอใจในด้านประโยชน์ที่ได้รับอยู่ในระดับมากเป็นลำดับที่หนึ่ง รองลงมาตามลำดับ คือ พึงพอใจในด้านสื่อ/อุปกรณ์การเรียนอยู่ในระดับมาก พึงพอใจในด้านกิจกรรมการเรียนการสอนอยู่ในระดับมาก พึงพอใจในด้านเนื้อหาอยู่ในระดับมาก และพึงพอใจในด้านการวัดและประเมินผลอยู่ในระดับมากเป็นลำดับสุดท้าย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้วิจัย นางนุชนาถ จรทะผา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ
สถานศึกษา โรงเรียนประชาพัฒนา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมาย ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี
วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนี
ประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มี
ต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน ในโรงเรียนประชาพัฒนา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน 8 แผน รวมทั้งสิ้น 22 ชั่วโมง 2) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 8 ชุด มีค่าเฉลี่ยความเหมาะสมจากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
4.55 ถึง 4.66 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พันธะเคมี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ซึ่งเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.28 ถึง 0.78 และค่าอํานาจจําแนก (B) ตั้งแต่ 0.29 ถึง 0.86 และมีค่าความเชื่อมั่น (rcc ) เท่ากับ 0.90
4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี
วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale)
5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่า อำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ .33 ถึง .78 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยการทดสอบค่าที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน
(t – test Dependent)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.81/81.56 เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีค่าเท่ากับ .7600 หมายความว่า นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ร้อยละ 76.00
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง พันธะเคมี วิชาเคมีเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่พึงพอใจในด้านประโยชน์ที่ได้รับอยู่ในระดับมากเป็นลำดับที่หนึ่ง รองลงมาตามลำดับ คือ พึงพอใจในด้านสื่อ/อุปกรณ์การเรียนอยู่ในระดับมาก พึงพอใจในด้านกิจกรรมการเรียนการสอนอยู่ในระดับมาก พึงพอใจในด้านเนื้อหาอยู่ในระดับมาก และพึงพอใจในด้านการวัดและประเมินผลอยู่ในระดับมากเป็นลำดับสุดท้าย