การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P เรื่อง Personal Information
ชื่อเรื่อง : การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
ชื่อผู้วิจัย : นางสายชล ชัยจันทา
ปีที่ศึกษา : 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
4) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้การจัดการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโนนโพธิ์ศรีวิทยาคม อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ที่เรียนรายวิชาภาษาต่างประเทศ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 37 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม
เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่
1) แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ จำนวน 6 ชุด
2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P จำนวน 6 แผน รวมเวลา 18 ชั่วโมง
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง Personal information ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
4) แบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ
5) แบบวัดความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษ จำนวน 30 ข้อและ
6) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 81.90 /81.93 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ดัชนีประสิทธิผลของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้การจัดการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ มีค่าเท่ากับ 0.7100 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 71.00
5. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ในภาพรวมทั้งหมดอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.42 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจด้านกระบวนการอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.52 รองลงมาได้แก่ ปัจจัยนำเข้าอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.41 และด้านผลผลิตอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.33 ตามลำดับ
ชื่อผู้วิจัย : นางสายชล ชัยจันทา
ปีที่ศึกษา : 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
4) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้การจัดการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ
5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโนนโพธิ์ศรีวิทยาคม อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ที่เรียนรายวิชาภาษาต่างประเทศ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 37 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม
เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่
1) แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ จำนวน 6 ชุด
2) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P จำนวน 6 แผน รวมเวลา 18 ชั่วโมง
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง Personal information ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
4) แบบเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ
5) แบบวัดความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษ จำนวน 30 ข้อและ
6) แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 81.90 /81.93 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ความสามารถการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ดัชนีประสิทธิผลของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการใช้การจัดการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ มีค่าเท่ากับ 0.7100 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 71.00
5. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3P เรื่อง Personal Information โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ในภาพรวมทั้งหมดอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.42 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจด้านกระบวนการอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.52 รองลงมาได้แก่ ปัจจัยนำเข้าอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.41 และด้านผลผลิตอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.33 ตามลำดับ