รายงานการใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง
ชื่อเรื่อง รายงานการใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้ศึกษา นายเนติวัฒน์ กิจบรรทัด
ปีที่ศึกษา พ.ศ.2562
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูงกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเสาธงทองอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 30 คน ซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7 เล่ม (2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนเรื่องทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 แผน เวลา 20 ชั่วโมง (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียนจำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีความยากง่ายระหว่าง 0.23 – 0.72 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.20-0.85 และความเชื่อมั่น KR20 = 0.79 (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอนเรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และคู่มือครู เมื่อนำผลมาวิเคราะห์เพื่อหาคุณภาพเครื่องมือ พบว่าแบบสอบถามความพึงพอใจมีค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบัค เท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-test dependent)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ชุดการสอนเรื่องทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 82.86/82.53 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์การเรียนของนักเรียนที่ใช้ชุดการสอน เรื่องทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ที่ระดับมากที่สุด
ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้ศึกษา นายเนติวัฒน์ กิจบรรทัด
ปีที่ศึกษา พ.ศ.2562
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูงกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเสาธงทองอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 30 คน ซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 7 เล่ม (2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนเรื่องทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 แผน เวลา 20 ชั่วโมง (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียนจำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีความยากง่ายระหว่าง 0.23 – 0.72 ค่าอำนาจจำแนกระหว่าง 0.20-0.85 และความเชื่อมั่น KR20 = 0.79 (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอนเรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และคู่มือครู เมื่อนำผลมาวิเคราะห์เพื่อหาคุณภาพเครื่องมือ พบว่าแบบสอบถามความพึงพอใจมีค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบัค เท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-test dependent)
ผลการวิจัย พบว่า
1. ชุดการสอนเรื่องทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 82.86/82.53 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์การเรียนของนักเรียนที่ใช้ชุดการสอน เรื่องทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอน เรื่อง ทักษะการวิ่งกระโดดสูง กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ที่ระดับมากที่สุด