การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อฝึกทักษะการอ่าน
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อฝึกทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มี
ตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางประภาพรรณ พิลาจันทร์
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 หนองใส มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด 3) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด ได้แก่ การเปรียบเทียบทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ4) เพื่อขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 หนองใส จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ (percentage) เฉลี่ย (mean) ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) 3) สถิติในการทดสอบ
สมมติฐาน คือ ทดสอบที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบเชิงหลักการและวัตถุประสงค์ องค์ประกอบเชิงกระบวนการ และองค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้มี 6 ขั้นตอน คือ 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม(review) 2. ขั้นการรับรู้(perception) 3. ขั้นสาธิตทักษะหรือกระทำ(mechanism) 4. ขั้นการปรับปรุง/ประยุกต์(adaptation) 5. ขั้นการสรุป(result) 6. การประยุกต์ใช้ความรู้(application) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะ มีประสิทธิภาพ 89.16/84.20 แสดงว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน เขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน เขียนคำที่มีตัวสะกด พบว่า คะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 12.63 คะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.26 แสดงว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
3. นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้ตามรูปแบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
ตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางประภาพรรณ พิลาจันทร์
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 หนองใส มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด 3) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด ได้แก่ การเปรียบเทียบทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ4) เพื่อขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 1 หนองใส จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ (percentage) เฉลี่ย (mean) ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) 3) สถิติในการทดสอบ
สมมติฐาน คือ ทดสอบที (t-test)
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบเชิงหลักการและวัตถุประสงค์ องค์ประกอบเชิงกระบวนการ และองค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำรูปแบบไปใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้มี 6 ขั้นตอน คือ 1. ขั้นทบทวนความรู้เดิม(review) 2. ขั้นการรับรู้(perception) 3. ขั้นสาธิตทักษะหรือกระทำ(mechanism) 4. ขั้นการปรับปรุง/ประยุกต์(adaptation) 5. ขั้นการสรุป(result) 6. การประยุกต์ใช้ความรู้(application) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน การเขียนคำที่มีตัวสะกด ร่วมกับการใช้แบบฝึกทักษะ มีประสิทธิภาพ 89.16/84.20 แสดงว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน เขียนคำที่มีตัวสะกด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ RPMARA เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน เขียนคำที่มีตัวสะกด พบว่า คะแนนก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 12.63 คะแนนหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 25.26 แสดงว่า คะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
3. นักเรียนมีความพึงพอใจในการเรียนรู้ตามรูปแบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก