รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ รายวิชา ศิลปะ 3 (ดนตรี) รหัสวิชา ศ23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ รายวิชา ศิลปะ 3 (ดนตรี) รหัสวิชา ศ23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์ 65 (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ รายวิชา ศิลปะ 3 (ดนตรี) รหัสวิชา ศ23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ รายวิชา ศิลปะ 3 (ดนตรี) รหัสวิชา ศ23102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 โรงเรียนบ้านแก้งวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ปีการศึกษา 2561 จำนวน 35 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบฝึกทักษะ จำนวน 9 เล่ม แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 9 ฉบับ รวม 90 ข้อ มีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหาตั้งแต่ 0.60-1.00 ค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.25-0.75 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.30-0.80 ค่าความเชื่อมั่นตั้งแต่ 0.84-0.86 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ จำนวน 30 ข้อ มีค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหาตั้งแต่ 0.80-1.00 ค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.30-0.70 ค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.30-0.70 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.88 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 20 ข้อ มีค่าสหสัมพันธ์อย่างง่ายตั้งแต่ 0.57-0.78 และความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.95 และแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน สถิติสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ ค่าดัชนีประสิทธิผล และค่า t-test พบว่า
1. แบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ มีประสิทธิภาพรวมเฉลี่ยเท่ากับ 86.00/84.81 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2. แบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ มีประสิทธิผลรวมเฉลี่ยอยู่ในระดับดี คือ มีค่ามีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 75.22 สูงกว่าเกณฑ์ 65 แสดงว่า มีความก้าวหน้าในการเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดและมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น
3. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่า
ขลุ่ยเพียงออ รวมเฉลี่ยทั้ง 9 เล่ม สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะดนตรี
เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด รายข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ นักเรียน
มีเจตคติทางการเรียนที่ดีจากจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะดนตรี เรื่อง การเป่าขลุ่ยเพียงออ รองลงมา คือ แบบฝึกทักษะช่วยแก้ปัญหาการเรียนไม่ทันเพื่อน