รายงานผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนโดย PowerPoint2013
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint 2013 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนใช้และหลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint 2013 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint 2013 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบ้านวังวิทยา อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 จำนวน 16 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าประกอบด้วย บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint 2013 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 8 บทเรียน แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 18 แผน แบบประเมินความพึงพอใจ จำนวน 1 ชุด และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้รายงานสร้างขึ้น จำนวน 1 ชุด ซึ่งมีค่าความยากตั้งแต่ 0.43–0.70 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.44–0.60 และค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.86 สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่า t–test แบบ Dependent Samples
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint 2013 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้รายงานสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.20/82.29 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint 2013 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหลังใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่าก่อนใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การสร้างงานนำเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint 2013 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (µ = 4.54 , = 54)