การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์
ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ
โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหา
ของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
หน่วยงาน : โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านในเมือง) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
กองการศึกษาเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรงมหาดไทย
ผู้วิจัย : นายสมชาย กองหนู
ปีที่ทำการวิจัย : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2)เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านในเมือง)ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อทดลองใช้การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน โดยการศึกษา วิเคราะห์และสังเคราะห์ จากเอกสารที่เกี่ยวข้อง(Analysis) เครื่องมือที่ใช้ในในขั้นนี้ได้แก่
แบบวิเคราะห์เอกสารจำนวน 1 ฉบับ ขั้นตอนที่ 2 ออกแบบและพัฒนา(Design & Development) สังเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยในขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนที่ 3 การนำไปใช้ (Implement) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 แผน แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สมการและการแก้สมการ ขั้นตอนที่ 4 การประเมิน(Evaluation) เป็นการนำข้อมูลผลการทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยมาวิเคราะห์ เพื่อพิจารณาการประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอน และแบบประเมินความพึงพอใจ
ผลการวิจัยพบว่า
1) ข้อมูลพื้นฐานตามทฤษฎีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551และหลักสูตรสถานศึกษาในการพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพโดยยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่งเสริมทักษะกระบวนการให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเอง และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ดีขึ้น ส่วนการศึกษาความต้องการของครูและนักเรียนต้องการรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ที่มีกิจกรรม การฝึกทักษะอย่างมีขั้นตอนและการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อเป็นการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนได้อย่างมีระบบและถูกต้อง
2) การพัฒนาและ หาประสิทธิภาพรูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตสาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหา ของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 85.29/83.67 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ
โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่า ก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4) การประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โดยภาพรวมอยู่ในระดับคุณภาพมาก โดยมีค่าเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 4.04 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.43
โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหา
ของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
หน่วยงาน : โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านในเมือง) ตำบลในเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์
กองการศึกษาเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรงมหาดไทย
ผู้วิจัย : นายสมชาย กองหนู
ปีที่ทำการวิจัย : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2)เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านในเมือง)ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อทดลองใช้การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน โดยการศึกษา วิเคราะห์และสังเคราะห์ จากเอกสารที่เกี่ยวข้อง(Analysis) เครื่องมือที่ใช้ในในขั้นนี้ได้แก่
แบบวิเคราะห์เอกสารจำนวน 1 ฉบับ ขั้นตอนที่ 2 ออกแบบและพัฒนา(Design & Development) สังเคราะห์ข้อมูลจากการวิจัยในขั้นตอนที่ 1 ขั้นตอนที่ 3 การนำไปใช้ (Implement) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 แผน แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สมการและการแก้สมการ ขั้นตอนที่ 4 การประเมิน(Evaluation) เป็นการนำข้อมูลผลการทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยมาวิเคราะห์ เพื่อพิจารณาการประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอน และแบบประเมินความพึงพอใจ
ผลการวิจัยพบว่า
1) ข้อมูลพื้นฐานตามทฤษฎีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551และหลักสูตรสถานศึกษาในการพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพโดยยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่งเสริมทักษะกระบวนการให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเอง และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ดีขึ้น ส่วนการศึกษาความต้องการของครูและนักเรียนต้องการรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ที่มีกิจกรรม การฝึกทักษะอย่างมีขั้นตอนและการเรียนรู้ร่วมกันเพื่อเป็นการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนได้อย่างมีระบบและถูกต้อง
2) การพัฒนาและ หาประสิทธิภาพรูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตสาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหา ของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 85.29/83.67 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการและการแก้สมการ
โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่า ก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4) การประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้นตอน (7E) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โดยภาพรวมอยู่ในระดับคุณภาพมาก โดยมีค่าเฉลี่ย (x̄) เท่ากับ 4.04 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.43