รายงานการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปเพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปเพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ของนักเรียน
รายวิชาเคมี 1 ว 30102 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 4
ผู้วิจัย นายพิชัย ลดโพก
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนพิบูลมังสาหาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อทดลองใช้บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว 30102 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยศึกษาผลการใช้จากการเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว30221 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน พิจารณาความเหมาะสมองค์ประกอบต่างๆ ของบทเรียนสำเร็จรูป นำไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 คน เพื่อหาความเหมาะสมในเรื่องความชัดเจนของภาษา เนื้อหา และเวลาในการปฏิบัติกิจกรรม นำไปทดลองกับนักเรียน 9 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป ตามเกณฑ์ 70/70 นำไปทดลองกับนักเรียน 30 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป ตามเกณฑ์ 80/80 เครื่องมือในการวิจัย คือ บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 จำนวน 6 เล่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า E1/E2
ขั้นตอนที่ 2 การเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ระหว่าง ก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว30221 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ จำนวน 6 เล่ม แบบวัดการคิดวิเคราะห์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t – test แบบ One – sample)
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว30221 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 41 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลจากการวิจัยพบว่าบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.97/83.66 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด การเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป มีความพึงพอใจ (X ̅ = 4.54 S.D.= 0.22) ในระดับดีมาก
รายวิชาเคมี 1 ว 30102 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 4
ผู้วิจัย นายพิชัย ลดโพก
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนพิบูลมังสาหาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อทดลองใช้บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว 30102 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยศึกษาผลการใช้จากการเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และเพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว30221 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน พิจารณาความเหมาะสมองค์ประกอบต่างๆ ของบทเรียนสำเร็จรูป นำไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 คน เพื่อหาความเหมาะสมในเรื่องความชัดเจนของภาษา เนื้อหา และเวลาในการปฏิบัติกิจกรรม นำไปทดลองกับนักเรียน 9 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป ตามเกณฑ์ 70/70 นำไปทดลองกับนักเรียน 30 คน เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูป ตามเกณฑ์ 80/80 เครื่องมือในการวิจัย คือ บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 จำนวน 6 เล่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า E1/E2
ขั้นตอนที่ 2 การเปรียบเทียบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ระหว่าง ก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว30221 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 80 เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ จำนวน 6 เล่ม แบบวัดการคิดวิเคราะห์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t – test แบบ One – sample)
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ รายวิชาเคมี 1 ว30221 เรื่อง สมบัติของธาตุและสารประกอบ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 41 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลจากการวิจัยพบว่าบทเรียนสำเร็จรูป เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์ มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 82.97/83.66 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด การเปรียบเทียบการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป มีความพึงพอใจ (X ̅ = 4.54 S.D.= 0.22) ในระดับดีมาก