การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนPPCE Model
วัตถุประสงค์การวิจัย1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน PPCE Model 2. เพื่อการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนPPCE Model 3. เพื่อประเมินประสิทธิผลของการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน PPCE Model ประกอบด้วย 3.1 เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ 3.2 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอน PPCE Model และ 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบPPCE Model กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย รูปแบบการเรียนการสอนฯ ( PPCE Model ) แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบฯ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน( S.D. ) สถิติทีแบบไม่อิสระและการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้เป็นหลักการและวิธีการเรียนรู้ที่มุ่ง ให้ผู้เรียนได้รู้จักวิธีการเรียนรู้ การแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากการนำเอาความรู้เดิมมาเชื่อมโยงให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ ผลการเรียนรู้ต้องมุ่งเน้นที่กระบวนการสร้างความรู้ และการสะท้อนความคิด
2. รูปแบบการเรียนการสอนตามทฤษฎีการสร้างความรู้ฯมีชื่อว่าPPCE Model กระบวนการเรียนการสอนมี 4 ขั้นตอน คือ ขั้นเตรียมความพร้อม( Preparation: P ) ขั้นฝึกปฏิบัติ ( Practice: P ) ขั้นสร้างองค์ความรู้ (Construction: C) และขั้นประเมินผล ( Evaluation:E) โดยที่รูปแบบ PPCE Model ที่พัฒนาขึ้นมานี้มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.62/86.29 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
3.หลังการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบ PPCE Modelนักเรียนมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่ต่อการใช้รูปแบบฯโดยภาพรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด
คำสำคัญ : รูปแบบการเรียนการสอน /ทฤษฎีการสร้างความรู้/ การคิดแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ