การอ่านจับใจความ
เรื่องที่ศึกษา รายงานผลการพัฒนาแบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6
ผู้ศึกษา นายเกียรติศักดิ์ แพวขุนทด
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านถนนหัก
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ
กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านถนนหัก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5 ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมาก ครูไม่ครบชั้นจึงสอนแบบคละชั้น กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 คนรวม 11 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 10 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 การอ่านข้อความและเรื่องสั้น ๆ เรื่องที่ 2 การอ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ เรื่องที่ 3 การอ่านบทความ เรื่องที่ 4 การอ่านบทโฆษณา เรื่องที่ 5 การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เรื่องที่ 6 การอ่านข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน เรื่องที่ 7 การอ่านสารคดีและบันเทิงคดี เรื่องที่ 8 การอ่านบทร้อยกรอง เรื่องที่ 9 การอ่านนิทานและนิทานชาดก และเรื่องที่ 10 การอ่านเพลงพื้นบ้าน แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 20 แผน รวม 20 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 1 ฉบับ จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจ ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ 1 ฉบับ จำนวน 10 ข้อ สถิติพื้นฐานที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบข้อมูลโดยใช้ร้อยละ
ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีประสิทธิภาพ
เท่ากับ 86.24/84.59 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีความก้าวหน้ามากกว่าร้อยละ 30 ทุกชั้นดังนี้
2.1 ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7361 คิดเป็นร้อยละ 73.61
2.2 ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.7143 คิดเป็นร้อยละ 71.43
2.3 ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.7368 คิดเป็นร้อยละ 73.68
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่เรียนรู้โดยใช้
แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ มีค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเรียนทุกชั้น ดังนี้
3.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
คิดเป็นร้อยละ 37.86
3.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
คิดเป็นร้อยละ 40.00
3.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
คิดเป็นร้อยละ 46.67
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้
แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.47, = 0.77)
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6
ผู้ศึกษา นายเกียรติศักดิ์ แพวขุนทด
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านถนนหัก
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เพื่อศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ
กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านถนนหัก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5 ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมาก ครูไม่ครบชั้นจึงสอนแบบคละชั้น กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 คนรวม 11 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 10 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 การอ่านข้อความและเรื่องสั้น ๆ เรื่องที่ 2 การอ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ เรื่องที่ 3 การอ่านบทความ เรื่องที่ 4 การอ่านบทโฆษณา เรื่องที่ 5 การอ่านงานเขียนประเภทโน้มน้าวใจ เรื่องที่ 6 การอ่านข่าวและเหตุการณ์ประจำวัน เรื่องที่ 7 การอ่านสารคดีและบันเทิงคดี เรื่องที่ 8 การอ่านบทร้อยกรอง เรื่องที่ 9 การอ่านนิทานและนิทานชาดก และเรื่องที่ 10 การอ่านเพลงพื้นบ้าน แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 20 แผน รวม 20 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 1 ฉบับ จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจ ชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ 1 ฉบับ จำนวน 10 ข้อ สถิติพื้นฐานที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบข้อมูลโดยใช้ร้อยละ
ผลการศึกษาสรุปได้ดังนี้
1. แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีประสิทธิภาพ
เท่ากับ 86.24/84.59 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีความก้าวหน้ามากกว่าร้อยละ 30 ทุกชั้นดังนี้
2.1 ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.7361 คิดเป็นร้อยละ 73.61
2.2 ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเท่ากับ 0.7143 คิดเป็นร้อยละ 71.43
2.3 ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.7368 คิดเป็นร้อยละ 73.68
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่เรียนรู้โดยใช้
แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ มีค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเรียนทุกชั้น ดังนี้
3.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
คิดเป็นร้อยละ 37.86
3.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
คิดเป็นร้อยละ 40.00
3.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
คิดเป็นร้อยละ 46.67
4. ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้
แบบฝึกภาษาไทย ชุด การอ่านจับใจความ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.47, = 0.77)