เผยแพร่ผลงานวิชาการ
เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย นางลักขณา ภูมาตนา
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
สถานศึกษา โรงเรียนศิลาลาดวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 จำนวน 29 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนศิลาลาดวิทยา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม รูปแบบการวิจัยเป็นรูปแบบการวิจัยแบบ One Group Pretest - Posttest Design ระยะเวลาในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง English in daily life สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.21 - 0.78 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.25 - 0.92 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง English in daily life เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.48 – 0.82 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t-test (Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพ 84.21/83.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.58 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 58
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วย
บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.51, S.D. = 0.62) ด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ด้านที่ 3 บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life ทำให้เกิดทักษะในการปฏิบัติกิจกรรม อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67, S.D. = 0.59) รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค เรื่อง English in daily life ทำให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, S.D. = 0.59) รองลงมาคือ ด้านที่ 7 เนื้อหาในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life เป็นไปตามลำดับขั้นตอนจากง่ายไปหายาก อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.61, S.D. = 0.49) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านที่ 10 ผู้เรียนสามารถทำงานในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life อย่างมีอิสระ เหมาะสมกับเวลา อยู่ในระดับมาก ( = 4.36, S.D. = 0.76)
สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง English in daily life สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญและเป็นประโยชน์กับนักเรียน นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำบทเรียนสำเร็จรูป ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติ และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ต่อไป