สวัสดิ์ อินทร์ต๊ะวิชัย
ชื่อผลงาน : รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านใหม่ (สมบัติทวีประชาสรรค์) อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
ผู้รายงาน : นายสวัสดิ์ อินทร์ต๊ะวิชัย ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ชำนาญการ
ปีที่รายงาน : ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ (E1/E2) เท่ากับ 80/80 และมีประสิทธิผลเท่ากับ 0.50 (2) เพื่อศึกษาความก้าวหน้าทาง การเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียน เรื่อง เศษส่วน ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนเรื่อง เศษส่วน โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน โรงเรียนบ้านใหม่ (สมบัติทวีประชาสรรค์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 ปีการศึกษา 2560
กลุ่มตัวอย่างการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนบ้านใหม่ (สมบัติทวีประชาสรรค์) อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 37 คน กลุ่มทดลองแบบเดี่ยว (1:1) จำนวน 3 คน ทดลองแบบกลุ่มเล็ก (1:10) จำนวน 10 คน ทดลองแบบภาคสนาม (1:100) จำนวน 30 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนบ้านใหม่ (สมบัติทวีประชาสรรค์) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องเศษส่วน แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการเรียน เรื่อง เศษส่วน ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าเฉลี่ย E1/E2 ค่าร้อยละค่า t-test และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 96.64/93.80 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80/80 และดัชนีประสิทธิผลมีค่าเท่ากับ 0.73 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่น่าพอใจคือ 0.50
2. คะแนนความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 37 คน ปรากฏว่า ในภาพรวมคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 15.86 คะแนน คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน
มีค่าเท่ากับ 25.89 คะแนน สูงกว่าคะแนนก่อนเรียน 10.03 คะแนน เมื่อพิจารณารายคนแล้ว นักเรียน 37 คน มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน และมีค่าร้อยละของความก้าวหน้าเฉลี่ย 33.42
3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียน
เรื่อง เศษส่วนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วนค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียน และหลังเรียนโดยใช้ t – test นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด รายการที่นักเรียนมีความพึงพอใจเป็นลำดับมากที่สุด
คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.56 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.51
ผู้รายงาน : นายสวัสดิ์ อินทร์ต๊ะวิชัย ตำแหน่งครู วิทยฐานะ ชำนาญการ
ปีที่รายงาน : ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
รายงานการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ (E1/E2) เท่ากับ 80/80 และมีประสิทธิผลเท่ากับ 0.50 (2) เพื่อศึกษาความก้าวหน้าทาง การเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน (3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียน เรื่อง เศษส่วน ก่อนและหลังการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนเรื่อง เศษส่วน โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน โรงเรียนบ้านใหม่ (สมบัติทวีประชาสรรค์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 2 ปีการศึกษา 2560
กลุ่มตัวอย่างการศึกษา ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนบ้านใหม่ (สมบัติทวีประชาสรรค์) อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ปีการศึกษา 2560 จำนวน 37 คน กลุ่มทดลองแบบเดี่ยว (1:1) จำนวน 3 คน ทดลองแบบกลุ่มเล็ก (1:10) จำนวน 10 คน ทดลองแบบภาคสนาม (1:100) จำนวน 30 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนบ้านใหม่ (สมบัติทวีประชาสรรค์) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องเศษส่วน แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการเรียน เรื่อง เศษส่วน ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าเฉลี่ย E1/E2 ค่าร้อยละค่า t-test และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 96.64/93.80 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 80/80 และดัชนีประสิทธิผลมีค่าเท่ากับ 0.73 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่น่าพอใจคือ 0.50
2. คะแนนความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 37 คน ปรากฏว่า ในภาพรวมคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 15.86 คะแนน คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน
มีค่าเท่ากับ 25.89 คะแนน สูงกว่าคะแนนก่อนเรียน 10.03 คะแนน เมื่อพิจารณารายคนแล้ว นักเรียน 37 คน มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน และมีค่าร้อยละของความก้าวหน้าเฉลี่ย 33.42
3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียน
เรื่อง เศษส่วนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วนค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียน และหลังเรียนโดยใช้ t – test นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วนในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด รายการที่นักเรียนมีความพึงพอใจเป็นลำดับมากที่สุด
คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.56 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.51