บทคัดย่อ
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง ผลการพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนบ้านระแว้ง สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต ๒
ผู้รายงาน นางสาววีรยู ยูโซ๊ะ
ปีการศึกษา 2560
การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะ การเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๒ โรงเรียนบ้านระแว้ง เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๒ โรงเรียนบ้านระแว้ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต ๒ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา 2๕๖๐ จำนวน ๒๐ คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ชั้นเรียนเป็นหน่วยใน การสุ่ม (Sampling Unit) มาจำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน ๒๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน ๔ เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบทีแบบอิสระ
ผลการใช้พบว่า
1. แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่ตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ (E1/E2) เท่ากับ ๘๘.๑๓/๘๘.๘๓ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ ๘๐/๘๐
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ การเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ อยู่ในระดับมากที่สุด
ชื่อเรื่อง ผลการพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนบ้านระแว้ง สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต ๒
ผู้รายงาน นางสาววีรยู ยูโซ๊ะ
ปีการศึกษา 2560
การพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ ๘๐/๘๐ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะ การเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๒ โรงเรียนบ้านระแว้ง เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๒ โรงเรียนบ้านระแว้ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต ๒ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา 2๕๖๐ จำนวน ๒๐ คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ชั้นเรียนเป็นหน่วยใน การสุ่ม (Sampling Unit) มาจำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน ๒๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ จำนวน ๔ เล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แบบสอบถามความพึงพอใจเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบทีแบบอิสระ
ผลการใช้พบว่า
1. แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่ตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ (E1/E2) เท่ากับ ๘๘.๑๓/๘๘.๘๓ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ ๘๐/๘๐
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะ การเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตรา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ อยู่ในระดับมากที่สุด