งานประดิษฐ์ ป.2
ผู้วิจัย : นิศารัตน์ จิตสงค์
ปีที่วิจัย : 2560
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Cycle) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Cycle) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Cycle) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 4) เพื่อประเมินผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้การจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD) ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Cycle) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนเทศบาลบ้านท้ายช้าง เทศบาลเมืองพังงา จังหวัดพังงา จำนวน 36 คน ทดลองใช้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 เป็นเวลา 15 ชั่วโมง แบบแผนการทดลอง คือ One – Group Pretest Posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) แผนการจัดการเรียนรู้ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบประเมินผลความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t – test)
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ KATES Model โดยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KATES Model ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1 การให้ความรู้ และการสร้างความตระหนัก (Knowledge and Awareness: KA) ขั้นที่ 2 ขั้นสอน (Teaching: T) ขั้นที่ 3 ขั้นวัดและประเมินผล (Evaluation: E) และขั้นที่ 4 ขั้นสรุป (Summarizing: S) โดยความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATES Model) มีความเหมาะสมต่อการจัดการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ในระดับมาก
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATES Model) ร่วมกับจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD) และกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Cycle) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน และก่อนเรียนแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติที่ระดับ .01
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATES Model) ร่วมกับจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD) และกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Cycle) มีคะแนนเฉลี่ยรวม ( ) เท่ากับ 3.88 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 70 เมื่อเทียบกับเกณฑ์การพิจารณาระดับความพึงพอใจ แสดงว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KATES Model) ร่วมกับจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ (STAD) และกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Cycle) อยู่ระดับมาก