เผยแพร่ผลงาน
ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information)
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผู้วิจัย นางวรรณภา ภูศรีฤทธิ์
ปีที่วิจัย 2560
โรงเรียน โคกสะอาดวิทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมเกมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และมีค่าดัชนีประสิทธิผลไม่น้อยกว่า 0.5 (2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียน ที่เรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมเกมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมเกมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนโรงเรียนโคกสะอาดวิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย (1) กิจกรรมเกม เพื่อใช้ประกอบกับแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กิจกรรมเกมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) จำนวน 12 แผนการจัดการเรียนรู้ (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) กำหนดค่าคะแนนเป็น 5 ระดับ จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานใช้ t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กิจกรรมเกม เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) มีประสิทธิภาพที่ 85.17/83.02 และมีดัชนีประสิทธิผล (The Effectiveness Index : E.I.) เท่ากับ 0.67 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มตัวอย่างที่เรียนโดยใช้กิจกรรมเกม และแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจ ต่อการเรียนภาษาอังกฤษ โดยใช้กิจกรรมเกม เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ( = 4.33 S.D. = 0.22)