รายงานผลการพัฒนาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ
รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD
ผู้วิจัย : นางธารารัตน์ แก้วมูล
ตำแหน่ง : ครู โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
ปีที่วิจัย : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่องรายงานผลการพัฒนาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องอัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนห้วยทับทันวิทยาคม อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 41 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 8 ชุด แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD จำนวน 8 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน E1/E2 ดัชนีประสิทธิผล และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test แบบ Dependent Samples
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 76.70/75.28 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
2. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เท่ากับ 0.6681 แสดงว่านักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น 0.6681 หรือคิดเป็นร้อยละ 66.81
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน 3 (ค22101) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.48 อยู่ในระดับมาก