การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ 2) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ โดย 2.1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ 2.2) ศึกษาพัฒนาการความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูงของนักเรียนที่จัดการเรียนรู้ประกอบการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ 2.3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่จัดการเรียนรู้ประกอบการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ และ 3) เพื่อขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 19 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติแบบไม่อิสระและแบบอิสระ และ
การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ ประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบเชิงหลักการและวัตถุประสงค์ องค์ประกอบเชิงกระบวนการและองค์ประกอบเชิงเงื่อนไขการนำไปใช้ มีกระบวนการจัดการเรียนรู้ 7 ขั้นตอนคือ ขั้นที่ 1 เตรียมพร้อม (M = maneuver) ขั้นที่ 2 กระตุ้น (a = activate) ขั้นที่ 3 วางแผน (s = scheme) ขั้นที่ 4 แสวงหาความรู้ (o = obtain) ขั้นที่ 5 ฝึกฝน (r = rule)ขั้นที่ 6 สรุป (e = extract) ขั้นที่ 7 นำไปใช้ (e = employ) ซึ่งมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.97/82.08 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
2. ประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ พบว่า
2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิด ขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญสถิติที่ระดับ .01
2.2 ความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนที่จัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ สูงขึ้นในช่วงระหว่างเรียน
2.3 ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ อยู่ในระดับมากที่สุด (x-bar = 4.65, S.D. = 0.60)
3. การขยายผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ Masoree Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล ๑ บ้านจะบังติกอ พบว่านักเรียนกลุ่มขยายผลมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และมีพัฒนาการความสามารถในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีทักษะการคิดขั้นสูง ในช่วงระหว่างเรียน นอกจากนี้ความคิดเห็นที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด