ผลการใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ชื่อเรื่อง : ผลการใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ
ชื่อผู้วิจัย : นางธัญญภรณ์ พิทยาธรณ์ชัย
ปีที่วิจัย : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้าน ตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใ ช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีต่อการเรียนด้วย แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านตรางสวาย อำเภอขุขันธ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 3 จำนวน 1 ห้องเรียนรวมนักเรียนทั้งสิ้น 16 คนซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) การออกแบบการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยปฏิบัติการใช้กับนักเรียน กลุ่มเดียว มีการทดสอบก่อนและหลังปฏิบัติการ การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นวางแผน (Planning) ขั้นปฏิบัติตามแผน (Acting) ขั้นสังเกตและบันทึกผล (Observing) และขั้นสะท้อนผล (Reflecting) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การคูณ ที่ใช้แบบฝึกทักษะ จำนวน 12 แผน 2) แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ จำนวน 12 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ที่มีค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.41 ถึง 0.64 และค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.49 ถึง 0.82 ได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ จำนวน 10 ข้อ ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลตามแผนการวิจัยด้วยตนเองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 และได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับและสถิติ t-test
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัด ศรีสะเกษ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.75/84.79 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีค่าเท่ากับ .7719 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.19 แสดงว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ทำให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.19
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเรื่อง การคูณ สูงกว่าก่อนเรียน ในภาพรวมมีค่าเท่ากับร้อยละ 51.46 โดยที่ร้อยละของการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 33.33 และ 84.79 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบผลต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ t-test นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ
ชื่อผู้วิจัย : นางธัญญภรณ์ พิทยาธรณ์ชัย
ปีที่วิจัย : 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้าน ตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังใ ช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีต่อการเรียนด้วย แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนบ้านตรางสวาย อำเภอขุขันธ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 3 จำนวน 1 ห้องเรียนรวมนักเรียนทั้งสิ้น 16 คนซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) การออกแบบการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยปฏิบัติการใช้กับนักเรียน กลุ่มเดียว มีการทดสอบก่อนและหลังปฏิบัติการ การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นวางแผน (Planning) ขั้นปฏิบัติตามแผน (Acting) ขั้นสังเกตและบันทึกผล (Observing) และขั้นสะท้อนผล (Reflecting) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การคูณ ที่ใช้แบบฝึกทักษะ จำนวน 12 แผน 2) แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ จำนวน 12 ชุด 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ที่มีค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.41 ถึง 0.64 และค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.49 ถึง 0.82 ได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ จำนวน 10 ข้อ ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลตามแผนการวิจัยด้วยตนเองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 และได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับและสถิติ t-test
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัด ศรีสะเกษ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.75/84.79 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีค่าเท่ากับ .7719 หรือคิดเป็นร้อยละ 77.19 แสดงว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ ทำให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.19
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเรื่อง การคูณ สูงกว่าก่อนเรียน ในภาพรวมมีค่าเท่ากับร้อยละ 51.46 โดยที่ร้อยละของการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 33.33 และ 84.79 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบผลต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ t-test นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตรางสวาย จังหวัดศรีสะเกษ มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะเรื่อง การคูณ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก