รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ
ชื่อเรื่อง รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง
เขต 1
ผู้รายงาน นางสาวอัณณ์ชญาณ์ อินต๊ะเทพ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ
โรงเรียนวัดหลวงวิทยา อำเภอเมือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ E1/E2 ไม่ต่ำกว่า 80/80 ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนรู้ด้วยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ให้มีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 และศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน โรงเรียนวัดหลวงวิทยา อำเภอเมือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาประสิทธิภาพ การหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test
ผลการศึกษาพบว่า แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ E1/E2 ไม่ต่ำกว่า 80/80 ที่สร้างขึ้นทั้ง 12 ชุด มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.48/82.71 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ แสดงว่า แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามสมมติฐานตั้งไว้ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของผู้เรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา สูงกว่าก่อนเรียน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน วัดหลวงวิทยา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ปีการศึกษา 2560 โดยเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 80 ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ปีการศึกษา 2560 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 88.13 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ และมีความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ปีการศึกษา 2560 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง
เขต 1
ผู้รายงาน นางสาวอัณณ์ชญาณ์ อินต๊ะเทพ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ
โรงเรียนวัดหลวงวิทยา อำเภอเมือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1
ปีการศึกษา 2560
บทคัดย่อ
การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ E1/E2 ไม่ต่ำกว่า 80/80 ศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนรู้ด้วยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ การอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ให้มีคะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 และศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 16 คน โรงเรียนวัดหลวงวิทยา อำเภอเมือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาประสิทธิภาพ การหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า t-test
ผลการศึกษาพบว่า แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ E1/E2 ไม่ต่ำกว่า 80/80 ที่สร้างขึ้นทั้ง 12 ชุด มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.48/82.71 สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ แสดงว่า แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามสมมติฐานตั้งไว้ ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน จับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของผู้เรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา สูงกว่าก่อนเรียน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน วัดหลวงวิทยา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ผลการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ปีการศึกษา 2560 โดยเฉลี่ยสูงกว่าร้อยละ 80 ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ปีการศึกษา 2560 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 88.13 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ และมีความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดหลวงวิทยา ปีการศึกษา 2560 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้